pin poramet's blog

Enjoy the world of bloggers !!!

Monday, June 06, 2005

The Time 100

ทุกปีนิตยสาร Time จะออกฉบับพิเศษว่าด้วย 100 บุคคลทรงอิทธิพลของโลก ซึ่งคณะกรรมการจะเลือกบุคคลหลากหลายสาขา ตั้งแต่นักการเมือง นักธุรกิจ นักวิทยาศาสตร์ นักคิด ศิลปิน ฯลฯ ที่ชีวิต ผลงาน และความคิดของพวกเขาเหล่านั้นมีอิทธิพลหรือสร้างแรงบันดาลใจต่อชีวิตของคนบนโลก ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา

เสน่ห์อย่างหนึ่งของฉบับพิเศษนี้ คือ ผู้ที่เขียนแนะนำประวัติของ 100 บุคคลที่ได้รับเลือกแต่ละคนก็เป็นคนที่ 'ไม่ธรรมดา' ในสาขานั้นๆ เช่นกัน หรือไม่ก็มีความเกี่ยวพันกับผู้ได้รับเลือกทางใดทางหนึ่ง (แต่บางคนก็เขียนแนะนำโดยกองบรรณาธิการเอง) เช่น ปีนี้มี Henry Kissinger เขียนถึง Condoleezza Rice, Amartya Zen เขียนแนะนำ Manmohan Singh นายกฯอินเดีย, Sean Penn เขียนถึง Clint Eastwood, Donald Trump เขียนแนะนำ Martha Stewart เป็นต้น

ผมเลยนั่งอ่านด้วยความสนุก นอกจากสนุกกับการลุ้นว่า Time เลือกใคร เพราะอะไร แล้ว ยังสนุกกับการอ่านข้อเขียนของคนดังถึงคนดังด้วยกันเอง ซึ่งแต่ละคนก็มีลีลาการเขียนไม่เบาเลย

ใครสนใจว่ามีใครติดโผบ้างก็ลองไปหาอ่านดูในนิตยสาร Time ฉบับวันที่ 18 เมษายน 2005 นะครับ ผมหยิบมาคุยให้ฟังล่าช้าไปเสียหน่อย

เอาเป็นว่า ผมจะเลือกหยิบเอาคนอเมริกันที่ติดโผสัก 5 คน มาเล่าสู่กันฟังดีกว่า ทั้ง 5 เป็นคนที่เราไม่คุ้นหน้าคุ้นชื่อเอาเสียเลย แต่ล้วนมีความน่าสนใจในตัวเอง เนื้อหาทั้งหมดตัดตอน เรียบเรียง มาจากข้อเขียนในนิตยสาร Time ครับ

......

Amy Domini

Domini เป็นนักลงทุนเจ้าของแนวคิด 'การลงทุนคุณธรรม' (Ethical Investing) เธอเป็นเจ้าของและผู้บริหารกองทุนรวม Domini Social Equity Fund มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีกติกาว่าจะไม่ลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

ปี 1990 Domini คิด Domini 400 Social Index เพื่อจัดลำดับบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงสุด เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนักลงทุนที่ใส่ใจปัญหาสังคม โดยดัชนี Domini วัดจากประเภทสินค้าที่บริษัทนั้นๆขาย, การใส่ใจต่อพนักงานบริษัท และท่าทีต่อผู้ถือหุ้น

กองทุนของเธอเลือกลงทุนในบริษัทที่ติดอันดับดัชนีรับผิดชอบต่อสังคมเหล่านั้น และประสบความสำเร็จดึงดูดนักลงทุนให้มาซื้อหน่วยลงทุนได้มากมาย ทั้งยังให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ ดัชนีของ Domini บังคับทางอ้อมให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Ford และ Intel ต้องปรับตัวในประเด็นผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน

"นี่เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อสร้างความรับผิด (Accountability)ให้เกิดขึ้นในสังคม" เธอกล่าวอย่างมั่นใจ

......

Reed Hastings

ชายวัย 44 ปีคือผู้สร้างจุดเปลี่ยนให้กับวงการเช่า DVD ในสหรัฐอเมริกา

เขาเริ่มตั้งบริษัท Netflix เมื่อปี 1997 พร้อมกับกลยุทธใหม่ คือ ผู้ต้องการเช่าหนังเข้าไปในเวปไซต์ที่มีหนังให้เลือกกว่า 40,000 เรื่อง - เลือกหนังที่อยากดูเรียงลำดับก่อนหลังไว้ในลิสต์ - จ่ายเงินเหมาจ่ายรายเดือน ประมาณ 18 เหรียญ - บริษัทจะส่ง DVD ทางไปรษณีย์ให้ถึงบ้าน พร้อมซองเปล่าให้ลูกค้าส่งกลับคืนฟรีๆ เมื่อชมเสร็จ - ในเดือนหนึ่งจะยืมหนังกี่เรื่องก็ได้ไม่จำกัด โดย DVD จะอยู่กับเราได้ครั้งละไม่เกิน 3 แผ่น แต่นานเท่าไหร่ก็ได้ - ดูเสร็จ ส่ง DVD กลับ เมื่อบริษัทได้รับคืน ก็จะส่งหนังเรื่องต่อไปที่เราเลือกเข้าคิวไว้มาให้ต่อทันที - ไม่มีค่าปรับ เพียงแต่ถ้าดองหนัง ก็อดดูเรื่องใหม่ก็เท่านั้น มันจะไม่คุ้มเงินเหมาจ่ายรายเดือนเอาน่ะสิ

นี่เป็นระบบสิ่งจูงใจที่ถูกออกแบบได้ยอดเยี่ยมโดนใจนักดูหนัง ถือว่าระบบนี้เป็น win-win situation ของทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า ขนาดนักดองหนังอย่างผมยังถึงกับต้องรีบดูรีบคืน แต่ก็คุ้มค่าได้ดูหนังเดือนละหลายเรื่อง ราคาต่อเรื่องก็ถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับค่าเช่าตามร้านเช่าทั่วไป

ตอนนี้ Netflix มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคน และเป็นเบอร์หนึ่งของธุรกิจเช่าหนังออนไลน์

เชื่อหรือไม่ว่าแรงจูงใจที่ทำให้ Hastings เปิดบริษัทให้เช่าหนังแบบไร้ค่าปรับ ซึ่งเป็นหนามยอกอกนักดูหนังเรื่อยมา ก็เนื่องจากเขาโดน Blockbuster เล่นงานให้จ่ายค่าปรับโทษฐานคืนหนังช้ารวมเป็นเงิน 40 เหรียญนั่นเอง !

......

Eliot Spitzer

"ไม่เป็นไรน่า ... ใครๆเขาก็ทำกัน" คำพูดคุ้นหูที่เรามักได้ยินจากปากนักธุรกิจ ยามสร้างความชอบธรรมให้มาตรฐานจริยธรรมต่ำต้อยของตัวเองเวลาเล่นไม่ซื่อกับลูกค้าหรือผู้บริโภค เช่น โฆษณาเกินจริง นำเงินลูกค้าไปลงทุนอย่างไม่โปร่งใส ฯลฯ

แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ Spitzer อัยการสูงสุดแห่งรัฐนิวยอร์ก ที่ชาว Wallstreet ขนานนามเขาว่า 'ปีศาจร้าย'

หลายปีที่ผ่านมา Spitzer เล่นงานบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ใน Wallstreet อย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เรียกว่าทำลายวัฒนธรรมเทาๆ ในวงการธุรกิจการเงิน - ซึ่งถูกปล่อยปละละเลยมานานเพราะมักเห็นว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา - ลงอย่างย่อยยับ

เมื่อปี 2002 เขาเล่นงานบริษัทวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ 10 แห่ง โทษฐานหลอกลวงลูกค้า โดยผลิตรายงานวิจัยที่ยกย่องสรรเสริญบริษัทในธุรกิจไฮเทคเผยแพร่ต่อกลุ่มลูกค้า ทั้งที่ในอีเมลภายในบริษัทวาณิชธนกิจเหล่านั้น เรียกบริษัทไฮเทคเหล่านี้ด้วยความดูถูกว่า 'ขยะ' สุดท้ายศาลสั่งปรับและลงโทษบริษัททั้ง 10 เป็นมูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญ

หลังจากนั้น เขาก็เข้าไปจัดการเล่ห์เหลี่ยมของผู้จัดการกองทุนรวมที่หลอกกินเงินลูกค้า ต่อด้วยงัดข้อกับบริษัทประกันที่เอาเปรียบผู้บริโภค เอาจริงอย่างที่ไม่เคยมีใครหน้าไหนเล่นงานเหล่าอัศวินตลาดการเงินพวกนี้มาก่อน

ไม่แปลกใจที่เขากลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของ Democrat ในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กในการเลือกตั้งปี 2006

......

Burt Rutan

มีคนเพียง 24 คนเท่านั้นที่เคยไปเหยียบดวงจันทร์ ในรอบ 33 ปีที่ผ่านมา แต่การท่องอวกาศกำลังเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เมื่อ Burt Rutan สามารถออกแบบยานอวกาศเอกชนลำแรกได้สำเร็จ และขึ้นบินเที่ยวแรกได้เมื่อปี 2004 ภายใต้ชื่อ SpaceShipOne

เรื่องของเรื่องคือ เมื่อปี 1996 XPrize ท้าพนันแจกรางวัล 10 ล้านเหรียญสหรัฐให้แก่ ใครก็ตามสามารถสร้างยานอวกาศที่สามารถพาผู้โดยสารเดินทางไปยังปากประตูอวกาศ ซึ่งอยู่เหนือพื้นผิวโลกขึ้นไป 100 กิโลเมตร แล้วกลับสู่พื้นผิวโลกอย่างปลอดภัย และสามารถปฏิบัติภารกิจซ้ำเป็นครั้งที่สองได้ภายในเวลาไม่เกินสองสัปดาห์

เกือบสิบปี Rutan ก็ทำได้สำเร็จ ยานรูปร่างโฉบเฉี่ยวของเขาบรรจุผู้โดยสารได้ 3 คน แตะขอบอวกาศครั้งแรกเมื่อ 21 มิถุนายน 2004 และปฏิบัติการคว้ารางวัล 10 ล้านเหรียญเมื่อ 4 ตุลาคม ปีเดียวกัน

นับเป็นครั้งแรกที่มีการเดินทางสู่อวกาศโดยไม่อาศัยเงินทุนของรัฐบาลแม้แต่บาทเดียว นายทุนคนสำคัญของเขาก่อนคว้าเช็คก้อนโตคือ Paul Ellen แห่ง Microsoft

......

Karl Rove

ว่ากันว่าเขาคือนักยุทธศาสตร์การเมืองที่เก่งที่สุดในเวลานี้

เหตุผลน่ะเหรอ? เพราะเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางแผนหาเสียงพาบุชกลับสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง ทั้งที่ต้องต่อสู้กับเสียงแห่งความเกลียดชังจากทุกสารทิศ

กลยุทธของเขาคือพาบุชออกจากการแข่งขันเรื่องนโยบาย และจุดยืนของบุช แต่พลิกเกมให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันว่าด้วย 'ความกล้าตัดสินใจ'

ใครจะชนะเลือกตั้งด้วยสารที่มีเนื้อความระหว่างบรรทัดทำนอง "แม้คุณจะไม่ชอบจุดยืนผม, แต่อย่างน้อย ผมก็เป็นคนที่มีจุดยืนมั่นคงเพื่ออะไรบางอย่างละน่า" ได้

Rove ทำได้ ... ไม่ใช่เพราะตัว Bush เก่งกว่าหรือดีกว่าตัว Kerry แต่เพราะมีนักวางกลยุทธอย่าง Rove อยู่ข้างกายต่างหาก
......