คำให้การของ Anakin
ผมชื่อ Anakin นะครับ
ไม่ต้องสนใจหรอกว่า ผมเป็นคนเดียวกับ Anakin Skywalker อัศวินคุณธรรมหนุ่มที่ถูกด้านมืดของ 'พลัง' ครอบงำจนกลายเป็น Darth Wader หรือเปล่า
ผมจะบอกให้นะ Anakin อย่างผมน่ะ มีตัวตนอยู่ทุกมิติเวลาและสถานที่ ไม่ต้องลงทุนไปตามหาผมในสมัยสงครามแห่งดวงดาว a long time ago in the galaxy far, far away หรอก
ผมอยู่รอบๆ ตัวพวกท่านนี่แหละ
หลายท่านคงพอรู้จักผมบ้างแล้ว คงรู้ดีว่า ผมเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ถ้าจะให้พูดตรงไปตรงมาแบบไม่เขินอายก็ต้องบอกว่า ผมเป็นคนเก่ง มีพรสวรรค์มาแต่เด็ก ได้สัมผัส ได้เข้าถึง และเริ่มเรียนรู้การใช้ 'พลัง' มาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย อาจารย์ปู่ผมเห็นแวว จึงดึงตัวมาฝึกฝน ขัดเกลา และผลักดันเข้าสังกัดสำนักอัศวินคุณธรรม
น่าเศร้าที่ไม่นานอาจารย์ปู่ต้องด่วนจากไปเสียก่อน ผมเลยตกเป็นเด็กฝึกหัดในความดูแลของอาจารย์หนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์เอกของอาจารย์ปู่ผมอีกที
อาจารย์หนุ่มคนนี้ รักผมมาก ดูแลผมเหมือนน้องชาย สั่งสอน 'วิถี' แห่งอัศวินคุณธรรมให้ผมทุกอย่าง ทั้งยังรักและเชื่อมั่นในตัวผมอย่างเปี่ยมล้นและจริงใจ
กาลเวลาผ่านไป ผมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะด้านความคิดและจิตใจ ก็ภายใต้การดูแลของอาจารย์หนุ่มผู้นี้ ผมใช้ 'พลัง' ได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ เรียนรู้วิธีการใช้และควบคุม 'พลัง' หลายรูปแบบ ได้ออกปฏิบัติภารกิจสำคัญหลายครั้ง อย่างที่คนรุ่นราวคราวเดียวกันไม่มีทางได้รับโอกาสเช่นนี้ ฝีมือก็ดูจะก้าวหน้า ก้าวหน้าจนผมคิดในใจว่า อีกไม่นาน ผมคงก้าวข้ามอาจารย์หนุ่มของผมได้ไม่ยาก
ผมมั่นใจในตัวผม ทั้งพลังฝีมือและพลังจิตใจ เวลานั้น ผมมั่นใจว่า ผมจะเดินตาม 'วิถี' แห่งอัศวินคุณธรรมได้อย่างสมเกียรติ และมีส่วนสำคัญในการสร้างความสงบสุขให้จักรวาลนี้ ผมเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่า ผมยึดถืออุดมการณ์และจิตวิญญาณที่เหล่าอัศวินคุณธรรมยึดถือ จิตวิญญาณที่ใส่ใจผู้อื่นเหนือตัวเอง เต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรม จิตวิญญาณที่เชื่อมั่นในวิถีประชาธิปไตย ความเท่าเทียม และต่อต้านอำนาจนิยมเบ็ดเสร็จ
ผมใฝ่ฝันที่จะเปลี่ยนจักรวาลนี้ให้ดีขึ้น ให้เข้าใกล้กับสิ่งที่ผมเชื่อมั่นศรัทธา สงครามโง่ๆบ้าๆที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ต้องจบสิ้นลง ผมมั่นใจว่าผมจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างฝันที่ว่าให้เป็นจริง
ผมไม่เข้าใจว่าทำไม พวกสมาชิกสภาอัศวินคุณธรรมหลายคนถึงไม่ไว้ใจผม ไม่เชื่อมั่นใน 'พลัง' ของผม ทั้งที่ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ที่ผ่านมา ผมทำได้ ปฏิบัติภารกิจสำคัญสำเร็จหลายชิ้น กระทั่งเคยช่วยชีวิตอาจารย์หนุ่มของผม หรือพวกนี้ตัดสินคนเพียงใช้อายุเป็นเกณฑ์ หรือคิดว่าผมเก่งเกินไป เลยอิจฉาตาร้อนในความสำเร็จ
แทนที่คนเหล่านี้จะใช้ 'พลัง' ที่อัดแน่นอยู่ในตัวผมให้เป็นประโยชน์ กลับมองข้ามไปเสียอย่างนั้น
ผมบอกแล้วว่า เรื่องอายุไม่ใช่ปัญหา เรื่องประสบการณ์ไม่ใช่ปัญหา ผมมีพรสวรรค์ เต็มเปี่ยมไปด้วย 'พลัง' ถ้าผมฝึกฝนขัดเกลาตัวเองให้เข้าที่ ผมมั่นใจว่า ผมไปได้ไกลกว่าเหล่าสมาชิกสภาอัศวินคุณธรรมหลายคน กระทั่งไกลกว่าอาจารย์ผม พวกนั้นตอนอายุเท่าผมมีปัญญาทำแบบผมตอนนี้ได้หรือเปล่า
ผมไม่ได้คิดเองเออเอง กระทั่งสมาชิกสภาอัศวินคุณธรรมหลายคนก็ล้วนเห็นพ้องกันว่า ในอนาคต ผมจะเป็นอัศวินคุณธรรมที่เก่งที่สุดเท่าที่จักรวาลนี้เคยมีมา ไม่ต้องอะไรมาก ถึงวันนี้ อายุไม่เท่าไหร่ เริ่มเข้าร่วมกลุ่มอัศวินคุณธรรมไม่นาน ผมก็ได้สัมผัสความสำเร็จ มีคนยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ มีที่นั่งในสภาอัศวินคุณธรรมแล้ว ร้อยปีจะมีคนอย่างผมสักกี่คน
แล้วทำไมไม่มอบความไว้ใจให้ผม ทำไมไม่เชื่อมั่นในตัวผม ทำไมไม่เลื่อนลำดับให้ผมทั้งที่รับผมเข้าสภา ทำไมต้องกีดกันผม
ผมเกลียดความไม่ไว้ใจ ความอยุติธรรม ยิ่งผมเชื่อมั่นใน 'พลัง' ตัวเอง ผมยิ่งเกลียดคนที่อิจฉาปิดกั้นไม่ให้ 'พลัง' ที่อัดแน่นในตัวผมถูกปลดปล่อยมาใช้ประโยชน์
ความไม่ไว้ใจและไม่เห็นคุณค่าที่เหล่าอาจารย์มอบให้ผม ผสานกับความเชื่อมั่นในพลังความเก่งของตัวเอง จนถึงขั้นเห่อเหิม ล้วนค่อยๆชักนำก้นบึ้งของจิตใจผมให้ลอยไปสู่ด้านมืดของ 'พลัง' ทีละน้อย ยิ่งผมต้องการพิสูจน์ตัวเองมากเท่าไหร่ ความยึดติดในตัวตนของผมก็ยิ่งมากเท่านั้น
จิตใจแบบอัศวินคุณธรรมเริ่มมัวหมองลงทีละนิด ขณะที่ถูกปรุงแต่งด้วยความสามานย์มากขึ้น
แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเริ่มเอนเอียงเข้าสู่ 'ด้านมืด' ของ 'พลัง'
ทุกท่านก็รู้ว่า ผมเติบโตมาจากเด็กที่บริสุทธิ์ จากคนที่มีอุดมการณ์ มีคุณธรรมอย่างใสสะอาด ใฝ่ฝันถึงจักรวาลที่ดีขึ้น ผมไม่ได้เกิดมาชั่วโดยสันดาน ไม่มีเชื้อพันธุกรรมเลวๆ ผมโตมาในครอบครัวยากจน ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก แต่กลับต้องเสียแม่ที่เลี้ยงดูผมจากไอ้พวกชั่วทราม
ไอ้พวกนั้นมันไม่สมควรมีชีวิตอยู่ ผมเลยฆ่ามันด้วยมือของผมเอง ด้วยความโกรธแค้น ผมเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ พ่ายแพ้ต่อด้านมืด ใจหนึ่งก็คิดว่าการใช้เลือดล้างเลือดขัดกับวิถีแห่งอัศวินคุณธรรม แต่อีกใจหนึ่งกลับคิดว่า จะมีอะไรสมควรไปกว่านั้นอีกละ
มันทำร้ายชีวิตผม ทำลายชีวิตแม่ผมอย่างไม่เป็นธรรม มันก็คู่ควรที่จะได้รับผลกรรมที่มันก่อ ทำไมต้องให้อภัยมันด้วย ผมต้องทำลายชีวิตมันคืน บางครั้ง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ก็เป็นวิถีทางสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับพวกชั่วช้าที่ไม่ต้องเสียเวลาเอ่ยถึงตัวบทกฎหมาย
ความโกรธแค้นชักนำผมไปสู่ความเกลียดชัง ความรู้สึกโกรธเกลียดเช่นว่า มันพัดพาเราเข้าสู่ 'ด้านมืด' ได้ง่ายๆ
เมื่อคุณเลือกเดินเข้าสู่ด้านมืด ยากที่จะหลุดพ้นจากมัน หนำซ้ำ มันกลับยิ่งนำพาคุณพัวพันจมดิ่งมัวเมาไปกับสิ่งลวงต่างๆ อีกมาก
โลกด้านมืดมันเย้ายวน และมีพลังชักนำเรามากกว่าโลกด้านสว่าง อะไรจะตอบสนองสัญชาตญาณดิบของเราได้ดีไปกว่าความเกลียดชัง ความโกรธแค้น การทำลายล้าง และการไขว่คว้าหาอำนาจเพื่อยกให้ตัวเองสูงกว่าคนอื่น
แม้ผู้คนมักอ้างว่า ให้ได้อำนาจมาอยู่ในมือเสียก่อน โดยไม่ต้องเลือกวิถีทาง แล้วจึงค่อยนำอำนาจมาสร้างสรรค์สิ่งดี ผมยังไม่เคยเห็นมีใครทำสำเร็จสักราย ถ้าหนทางได้มาซึ่งอำนาจมันเต็มไปด้วยความชั่วช้าเสียแล้ว ตัวตนของคุณที่ยอมรับความชั่วช้านั้นได้ ก็ย่อมเปลี่ยนเป็นคุณเป็นคนใหม่ที่คุณธรรมด้อยลง แล้วเราจะไปคาดหวังสิ่งใดกับผลบั้นปลายที่สวยงาม งาช้างไม่งอกจากปากหมาหรอก
'วิถี' ที่เราเลือกเดินต่างหากที่สำคัญ มิใช่มองแต่เพียงจุดหมายปลายทาง ... 'วิถี' ที่ชอบ จึงจะนำมาซึ่ง 'ผลลัพธ์' ที่ชอบ
ถึงวันนี้ ผมรู้แล้วว่า วิถีแห่งความรัก ความสงบ ความสะอาด การให้อภัย การคิดพ้นไปจากตัวเอง ที่อาจารย์ผมพร่ำสอน ต่างหาก คือ 'วิถี' ที่แท้ ยากก็แต่มันไม่ได้ทำกันง่ายๆ โดยธรรมชาติ ในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้า และความชั่วช้าอยุติธรรมรอบตัว
สมรภูมิในใจของตัวเองคือสมรภูมิที่ยากลำบากที่สุด
อย่างผมเองก็เคยมีความรักและรู้สึกดำดิ่งผูกผันไปกับคนรัก ผมอยากให้เขาอยู่กับผมไปชั่วชีวิต ผมจึงยอมไม่ได้หากจะมีสิ่งใดพรากเขาไปจากผม ตอนนั้นผมคิดว่า ใครคนอื่นหรือจักรวาลนี้จะมาสำคัญเท่าคนรักผมได้อย่างไร ถ้าให้ผมเลือก ผมก็ต้องเลือกชีวิตผมก่อน เลือกครอบครัวผมก่อน เลือกคนที่ผมรักก่อน
ผมเลือกที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อรักษามันไว้ให้ได้
ความโกรธ ความเกลียด นำพาผมสู่ 'ด้านมืด' อย่างไร ความรักก็เช่นกัน ผมมีรักที่มืดมัว หลงใหล เป็นรักที่มีเส้นเขตแดนเพียงเฉพาะตัวเอง ... รักที่เห็นแก่ตัว
ทั้งหมดนี้ นำพาผมเข้าสู่ 'ด้านมืด' ของ 'พลัง' เส้นทางสู่ความสำเร็จที่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบของผมต้องพังทลายลง ... ด้วยมือของผมเอง
ความโกรธ ความเกลียด ความไม่ไว้ใจ ความพองโตในตัวตน กระทั่งความรักที่มืดมอด เปลี่ยนจิตใจที่ขาวสะอาดของผม ให้มืดดำ บ่อยครั้งเรื่องเล็กน้อยก็มีอิทธิพลเปลี่ยนชีวิตของคนๆหนึ่งให้เลือกเดินบนเส้นใหม่ได้ง่ายกว่าที่คิด หากเส้นทางนั้นเป็นหนทางสู่ความเสื่อม ก็น่ารันทดสังเวชใจและเสียดาย
ยิ่งคนที่มี 'พลัง' มาก มีพรสวรรค์มาก ยิ่งมีความมั่นใจในตัวเองมาก บางครั้งก็ไม่รู้ตัวเองว่ากำลังกลับหลังหันมุ่งสู่เส้นทางที่ตนเองก็เกลียดชัง และเมื่อคนที่มี 'พลัง' อัดแน่นอยู่ในตัว เลือกใช้ 'พลัง' ล้นเหลือที่ตนมีไปในทางเสื่อม พลังแห่งการทำลายล้างยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีก
Anakin อย่างผมคนแล้วคนเล่าต้องตกเป็นเหยื่อของความโกรธ ความเกลียด ที่ได้รับอย่างอยุติธรรมจากผู้มีอำนาจ จากสภาพสังคมที่เน่าเฟะ เป็นความโกรธความเกลียดที่ทำลายความบริสุทธิ์ในใจ และหันเหให้เลือกใช้เส้นทางเดียวกันมาล้างแค้นเอาคืนจากผู้ที่ทำร้ายเขาในเบื้องแรก
จนใจค่อยๆ เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีดำ จน 'พลัง' ที่ล้นเหลือค่อยๆ แปรเปลี่ยนจาก 'ด้านสว่าง' สู่ 'ด้านมืด'
มี Anakin ในจักรวาลนี้กี่คนแล้ว ที่ถูก 'พลัง' ด้านมืดเข้าครอบงำ จนต้องกลายเป็น Darth Wader ทั้งที่เรายังอยู่ในวิสัยที่พลิกผันชะตากรรมของเขาได้
เพราะ Anakin อย่างผม ไม่ได้ชั่วช้าโดยสันดาน ยิ่งกว่านั้น กลับเต็มไปด้วย 'พลัง' ด้านสว่างอย่างเต็มเปี่ยมในเบื้องแรกเสียอีก ปีศาจร้ายในตัวผม มันถูกปลุกขึ้นมาโดยใครละ
มีคนเก่งอีกกี่คน มีเด็กที่มากด้วยพรสวรรค์อีกกี่คนในจักรวาลนี้ ที่เลือกเดินทางผิด เพราะความโกรธ ความเกลียด แบบผม
ในฐานะ Anakin ผู้หลงผิดมาก่อน ผมอยากฝากเรื่องราวของผมไว้เป็นบทเรียนในโอกาสที่มหากาพย์สงครามแห่งดวงดาวปิดฉากลง
สำหรับ Anakin ผู้มาทีหลัง ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วย 'พลัง' ที่อัดแน่นในตัว โปรดอย่าเลือก 'วิถี' ด้านมืด ในการสู้รบกับพลังชั่วช้าทั้งปวง อย่าต่อสู้กับความอยุติธรรมด้วยวิถีแห่งความเกลียด ความโกรธ ความแค้น จงยึดมั่นใน 'วิถี' ของอัศวินคุณธรรม
'วิถี' ที่ชอบเท่านั้น จึงจะนำมาซึ่ง 'ผลลัพธ์' ที่ชอบ
ที่สำคัญ Anakin ทั้งหลายเองก็ควรเรียนรู้วิถีแห่งความสงบ และมีขันติ ต้องเรียนรู้วิถีแห่งการจัดการ 'พลัง' ของตัวที่อัดแน่นพลุกพล่านอยู่ภายใน ต้องฝึกฝนความเยือกเย็นในจิตใจเพื่อดับความร้อนรุ่ม ต้องไม่เชื่อมั่นในความสามารถของตัวตนมากเสียจนกลายเป็นความเหิมเกริมลำพอง หากต้องรู้จังหวะของการเชิดหน้าสู้ฟ้ากับจังหวะแห่งการโน้มตัวลงสู่ดินอย่างสมดุล
สำหรับ ผู้ที่อยู่รอบกาย Anakin ก็ต้องช่วยกันดูแลเขาให้ดี คนเก่งอย่าง Anakin ต้องการการใส่ใจอีกรูปแบบหนึ่ง ต้องปล่อยให้เขาเปล่งประกายความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ อย่าขีดวงจำกัดการเติบโตของเขา ให้เขาได้ปล่อย 'พลัง' สร้างสรรค์ในตัวเองออกมา โดยมีเราเฝ้ามอง เป็นกำลังใจ ขัดเกลา และสร้างพลังทางบวกอยู่ห่างๆ ที่สำคัญ ต้องช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่จะให้ Anakin น้อยๆ เติบใหญ่บนเส้นทางด้านสว่างของ 'พลัง'
คงไม่มีใครอยากเห็น 'พลัง' ที่ล้นเหลือของ Anakin อีกมากมายหลายคนต้องแปรเปลี่ยนเป็นพลังด้านมืด เพื่อตอบโต้ ความโง่ ความบ้า ความอยุติธรรม ที่เขาเคยได้รับ
เรามี Darth Wader มากพอแล้ว ช่วยกันรักษา Anakin ให้เติบใหญ่บนหนทางแห่งคุณธรรมดีกว่า
ทุกคนทั่วโลกคงรู้จุดจบของผมกันหมดแล้ว
ท่านไม่อยากรู้เหรอครับว่า จุดจบของ Anakin ที่ไม่ถูก 'ด้านมืด' เข้าครอบงำ แต่ถูกบ่มเพาะให้สุกงอมจากอาจารย์ที่ถึงพร้อม, มุ่งฝึกฝนเคี่ยวกรำ 'ด้านใน' ของตัวเอง, และเติบโตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดี ไร้เงื่อนไขให้หันสู่ด้านมืด จะเดินหน้าไปได้ไกลเพียงใด
แม้ว่ามันคงเป็นอนาคตที่ทอดไกลเกินกว่าที่ผมจะจินตนาการถึง แต่ผมมั่นใจว่า มันต้องเป็นอนาคตที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน
Anakin S.
<< Home