pin poramet's blog

Enjoy the world of bloggers !!!

Saturday, August 27, 2005

เฮียห้า(ผัวซ้อเจ็ด)พบประชาชี


*** สวัสดีประชาชี เนื่องจาก ปิ่น ปรเมศวร์ เอาแต่กินจนพุงกาง งานการไม่ทำ บล็อกไม่เขียน พ้ม เฮียห้า ผัวซ้อเจ็ด ทนความคร้านไม่ไหว ขออาสามาอัพบล็อกแทนในคอลัมน์ เฮียห้าพบประชาชี เช้าวันเสาร์หลังรายการนาย ก. พบประชาชน *** นาย ก. พบประชาชนไปแล้ว ก็ขอเฮียห้าพบประชาชีบ้างไม่ได้หรือไร ***

*** อันกระพ้มนั้นเป็นนักการเมืองเก่า จึงชอบเล่าเรื่องโกหก แถมเมียชื่อซ้อเจ็ด เลยเลี่ยงติดนิสัยช่างเม้าท์เรื่องชั่วๆ เลวๆ จากมันมาด้วย คอลัมน์นี้ก็เลยจะว่ากันด้วยเรื่องโกหกเป็นหลัก เรื่องสร้างสรรค์เป็นไม่มี *** ย้ำอีกทีว่าเฮียห้าฝึกวิชาจาก Dogเต้อ ฉ. บางบอนจนสำเร็จวิทยายุทธ์ขั้นสุดยอดมาแล้ว ประชาชีอย่าได้หลงกลยามเห็นเฮียห้าตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จเชียว *** เวลาอ่านเวลาฟังอะไร ใช้สมองตรึกตรองกันหน่อย หลักกามสูตร เอ๊ย กาลามสูตร อ่ะ เคยอ่านไหม ก็ไอ้เรื่องโกหก งี่เง่า เพ้อเจ้อ แบบที่เฮียห้ากำลังจะเล่านี้ มันจะเกิดขึ้นจริงได้ไงเล่า *** และใครอย่าได้คิดเชียวว่า เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในไหแลนด์ เมืองพุทธ แดนยิ้ม ที่นั่นมีแต่ความสงบ สว่าง สะอาด ผู้คนใจกว้าง มีเหตุมีผล รักประชาธิปไตย เอ่อล้นด้วยสิทธิเสรีภาพ สื่อทำงานหนัก นักการเมืองไม่คดโกง ผู้มีอำนาจไม่ฉ้อฉล ... เฮียห้ารายงานเรื่องโกหกสายตรงจาก Sin City เมืองคนบาปต่างหาก ***

พูดถึง Sin City ตอนนี้ อาชญากรรมในหมู่บ้านของเฮียห้าลดลงไปอย่างน่าตกใจในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา โจรเจิรหายหมด ยามมันไม่ได้ขยันขันแข็งขึ้นหรอก ไม่ใช่เศรษฐกิจดีจนโจรกลับใจ แต่เพราะ พรีเมียร์ลีก ต่างหาก *** พูดแล้วจะหาว่าคุย ประธานฝ่ายความปลอดภัยของหมู่บ้านเฮียห้าฉลาดโคตรๆ ตัดสินใจติดเคเบิลทีวีก่อนบอลจะเปิดฤดูกาล โอ้โห ติดปุ๊บ อาชญากรรมลดปั๊บ ตัวป่วนเมืองเฝ้าบ้านดูถ่ายทอดบอลกันหมด ไอ้โจรเด็กก็กลับใจ วางปืนถือลูกบอลกันเป็นแถว *** ต้องยกนิ้วให้ครับเจ้านายยยยยย ***

*** ยังไม่จบ วันก่อนมีบอลคู่พิเศษ ทีมนกกระเด้าลมเทวดาเขาลงเตะ ปรากฎว่าดันมีเรื่องกันในบาร์เบียร์ ไอ้เด็กลูกครึ่งคนนึงดันโง่ปากไม่ดี ไปด่าทีมนกกระเด้าลมเข้า เท่านั้นอ่ะเป็นเรื่อง นายหนึ่ง บางบอน เลยซัดตีนเข้าให้ ก็ทีมเขาเล่นดี มีประวัติยิ่งใหญ่ ถ้วยเขาตั้งห้าใบยังงั้น เสือกทะลึ่งปากเสีย *** ยังดีที่ Sin City มัน Etat de droit มัน Etat de droit ภาษาไหแลนด์เขาเรียกว่ามันเป็นนิติรัฐ ภาษาไหแลนด์ขั้นต่ำลงมาหน่อย เขาเรียกทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไอ้เด็กลูกครึ่งนั่นเลยโดนจับเข้าตะรางไปซะแล้ว *** กฎหมาย Sin City ก็บัญญัติไว้ชัด มันยังไม่อ่านกฎหมายกัน ทำผิดแล้วอ้างไม่รู้กฎหมายนี่ไม่ได้ กฎหมายมันเขียนไว้ชัดว่า ถ้าเมื่อไหร่มีเรื่อง ไม่ว่าจะทะเลาะพิพาท หรือทะเลาะวิวาท พ่อใครรวยกว่าให้ถือเป็นผู้ชนะ ถ้าพ่อรวยเท่ากันก็ให้ดูว่าพ่อใครใหญ่กว่า ถ้าพ่อใหญ่เท่ากัน ก็ให้วัดความยาวเสีย *** แต่วรรคสองวงเล็บหนึ่งยังบัญญัติไว้อีกว่า ถ้าพิสูจน์ทราบภายหลังด้วยนิติวิทยาศาสตร์ว่าใครไปฉีดมา ก็ให้ถือว่าการตัดสินวัดความยาวความใหญ่เป็นโฆฆะ ให้ไปตัดสินกันที่ลีลาแทนขนาด แต่ลีลาเด็ดนี่มันวัดกันตรงไหน ต้องไปถามซ้อเจ็ดกันเอาเองเน้อ *** โชคยังดี วรรคสองวงเล็บหนึ่งนี่ยังไม่เคยบังคับใช้ เพราะผู้คนในหมู่บ้านยังไม่เคยมีใครไปฉีดหรือไปผ่าตัดมา หมอประจำหมู่บ้านเขาเคยยืนยันแน่นหนักไว้เมื่อหลายวันก่อนตอนมีคนกล่าวหาว่ามีกรรมการหมู่บ้าน Sin City ไปฉีดเพิ่มขนาดมา พ่อหมอแกบอกว่า ไม่เคยมีกรรมการหมู่บ้านนี้มาขอฉีดยา เคยมีก็แต่กรรมการหมู่บ้านอื่นเท่านั้น เรื่องก็จบ ประชาชีเมืองนี้มันว่ากันง่าย ว่าไงว่าตามกัน ***

พูดถึง Etat de droit ของ Sin City แล้วก็ปลาบปลื้มใจ ประชาชีหมู่บ้านอื่นมาดูงานด้านนี้กันประจำ *** ประชาชีทุกคนของ Sin City อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอย่างเสมอภาคกัน ไม่เลือกฐานะหรือสถานะ เพียงแต่พวกร่ำรวยและใหญ่โตมีอำนาจก็ได้รับความเสมอภาคมากกว่าคนอื่นตามสมควร *** เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง กฎหมาย Sin City จึงให้อำนาจเหล่ากรรมการหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่หมู่บ้านอย่างเต็มที่ ประธานหมู่บ้านคิดสิ่งใดก็ให้ถือว่าถูกเสมอ สั่งปฏิบัติการเช่นใดก็ไม่ต้องรับผิด กฎหมายให้อำนาจตรงนี้ไว้อย่างชัดเจน เป็นอารยะ ไม่เหมือนบางหมู่บ้านที่ประธานหมู่บ้านหรือกรรมการหมู่บ้านต้องหลบๆซ่อนๆแอบๆ แอบใช้อำนาจมืดรังแกคุกคามประชาชี หมู่บ้านพวกนั้นเป็นพวกอนารยะ ไม่รู้จักออกกฎหมายให้ชัดเจน ไม่รู้เข้าใจคำว่านิติรัฐกันซะเลย ***

*** จะบอกให้ว่าใน Sin City ถ้าประธานหมู่บ้านหรือกรรมการหมู่บ้านทะเลาะกับนักข่าวให้ถือว่าประธานหมู่บ้านถูกเสมอ เมื่อใดที่ประธานหมู่บ้านในบทบาทหม่ำ จ๊กม๊ก พิธีกรเกมโชว์ ชูป้ายกากบาท X พร้อมกดออดดัง ... แต๋ววววว ... ให้นักข่าวถือว่ามีความผิด ถูกปรับตกรอบฐานถามไม่สร้างสรรค์ เพราะประธานฟังไม่รื่นหู *** หากยังขัดขืน ฝืนขุดคุ้ยเรื่องไม่เป็นเรื่องต่อ อาจโดนน้ำมันราดรถทั่วโรงพิมพ์ได้ โปรดอย่าใช้มาตรฐานไหแลนด์มาด่าว่าคุกคามสื่อนะคร้าบ เพราะกฎหมาย Sin City ให้อำนาจฝ่ายกรรมการหมู่บ้านจัดการสื่อได้ตราบเท่าที่ยังไม่เลือกยืนเคียงข้างท่านประธาน ... นิติรัฐครับนิติรัฐ ท่องไว้ *** เร็วๆ นี้ฝ่ายกรรมการหมู่บ้านเพิ่งนึกสนุก หมั่นไส้มานานแล้วไอ้หนังสือพิมพ์ฝรั่งในหมู่บ้าน เลยแกล้งแม่งซะ ปล่อยข่าวครับปล่อยข่าว แกล้งให้แหล่งข่าวปล่อยข่าวให้นักข่าวว่าไอ้ถนนสายใหม่ที่เพิ่งสร้างมันร้าว นักข่าวก็เหลือเกิ๊น ลงข่าวไม่ได้ไปเช็คอะไรเล้ย กระโดดใส่หลุมพรางเข้าเต็มๆ ไม่กี่วันให้หลังเลยโดนฟ้องเข้าหลายอัฐโทษฐานลงข่าวเท็จ *** เสร็จไปอีกหนึ่ง เจ้าของถึงกะคิดถอนหุ้นไปขายของดังเดิมดีกว่า ***

*** นักวิชาการบนหอคอยหมู่บ้านเราก็น่ารักกันทั้งนั้น ทุกคนต่างสรรเสริญเยินยอท่านประธานหมู่บ้านกันหมด ที่หมู่บ้านเรา ครูบาอาจารย์ทุกคนรู้จริงหมดครับ เพราะท่องคำพูดของท่านผู้นำกันได้ขึ้นใจ ชัดถ้อยชัดคำ ท่านว่าไงเราก็ว่าตามกัน เปิดทีวีกันดู รายการคุยข่าวรายการไหน ประชาชีก็ส่ง sms มาสรรเสริญไม่ได้ขาด แถลงข่าวทีไร ท่านผู้นำก็ชื่นชมนักวิชาการตลอด *** เมื่อก่อนก็เคยมีพวกโง่ๆ ทำผิดกฎหมาย ออกมาวิจารณ์หรือมาทำตัวขวางหูขวางตากรรมการหมู่บ้านเหมือนกัน แต่จัดการไปหมดแล้ว โตแล้วยังต้องให้อุ้มอีก น่าเบื่อคนพวกนี้ *** อุ้มๆ โอ๋ๆ ไปไม่กี่คน ก็หัวหดกันหมด ใครยังซ่า กรรมการหมู่บ้านก็ส่งยามไปช่วยเฝ้าหน้าบ้านคอยดูแลให้เป็นกรณีพิเศษ ซ่าอีกก็ตรวจภาษี จับขึ้นบัญชีดำไป เดี๋ยวก็สงบกันหมด ***

*** หัวหน้าทีมอุ้มของ Sin City นี่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี แกมีนิสัยรักเด็ก ชอบอุ้มเด็กมาแต่เกิด ท่านประธานหมู่บ้านส่งไปฝึกคอร์สพิเศษโดยตรงจากโรงเรียนอนุบาลหมีน้อย เพื่อให้อุ้มผู้ใหญ่ได้อย่างถูกสุขลักษณะ อุ้มดีอุ้มเป็นครับท่านนี้ *** เสียอย่างเดียว ท่านหัวหน้าทีมอุ้มติดนิสัยเด็กๆไม่หาย แกชอบเลีย ทีเวลาเจอฝ่ายตรงข้าม ปรี่ไปอุ้ม ยังกะผู้ใหญ่รักเด็ก แต่กลับกัน เวลาเจอท่านประธานหมู่บ้านนี่ วิ่งแจ้นตรงไปหา ทำตัวยังกะเด็ก ขี้อ้อน เลียไม่ได้หยุด เลียซะยิ่งกว่าลิ้นสว่าน โดยเฉพาะตรงแข้งขาท่านผู้นำนี่ชอบมากครับ มันอร่อยหรืออย่างไรมิทราบได้ *** ท่าบังคับของกรรมการหมู่บ้านที่อยากได้ดี: ขาชิด มือกุมเบ้า หลังโค้งงอพองาม หัวผงก ลิ้นทำงาน ปากพูด ครับท่านๆ เรียกว่าบริหารร่างกายทุกสัดส่วน ยกเว้นสมอง ไม่ต้องบริหารมันมาก ยิ่งกลวงยิ่งดี ท่านประธานชอบ ***

*** โหลๆๆๆ ... อ้าว... ไมค์ไม่ดังซะแล้ว สัมปทานคงหมด ท่านประธานสภาประชาชีเล่นตัดช่องน้อยปิดไมค์ทั้งสภาซะแล้ว คงต้องขอลาไปซิ่งรถกันตรงนี้ละครับ เขาจะปิดถนนหน้าปากซอยกันแล้ว *** อ้อ ประชาชีท่านใดจะไปซิ่งรถกับเฮียห้าหน้าปากซอยก็ขอให้ระวังควายของท่านกรรมการหมู่บ้านสังกัดเล้าไก่หน่อยนะครับ แกชอบปล่อยออกมาเดินเพ่นพ่านอยู่เรื่อยเลย มืดๆ บางทีดูไม่ออกว่าตัวไหนเป็นท่านกรรมการหมู่บ้าน ตัวไหนเป็นควาย *** แล้วไอ้ที่เห็นเฮียห้าหน้าแดงๆ นี่ ไม่ได้ไปกินวิตามินแอลมานะขรั่บ เฮียห้าเป็นคนพูดเสียงดัง ชอบตะโกน หน้าก็แดงเป็นธรรมดา พวกใส่ร้ายเฮียห้าระวังจะตกนรกนะ อเวจีโลกันตร์ข้างล่างน่ะ มันเย็นนนน แล้วจะว่าไม่เตือน *** ไปละครับ แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ อย่าลืมว่าที่เล่ามาทั้งหมดล้วนแต่เป็นความเท็จทั้งสิ้น ประชาชีผู้ใดอย่าได้คิดผิดหลงเชื่อเป็นตุเป็นตะทีเดียวเชียว *** เฮียห้ารักประชาชี เพราะประชาชีสอนให้เฮียห้ารักประชาชน ***

Friday, August 26, 2005

เก็บตกงาน Meet the Bloggers


ขณะนี้เวลาตีสามกว่าแล้วครับ

เพิ่งกลับมาจาก Hemlock (อีกแล้ว)

สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์แห่งการกินของผมโดยแท้จริง

เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ นัดสังสรรค์รวมรุ่นกับเพื่อน ม.ปลาย น้ำเงิน-ขาว ตามด้วยวันจันทร์กับนัดหมายที่เฝ้าทนรอด้วยใจระทึกอย่างงาน Meet the Bloggers ที่ Hemlock วันอังคารพักหนึ่งวัน มาวันพุธก็ย้ายวิกไปแถวประชาชื่น ไปนั่งกินข้าวและวิจารณ์การเมืองกับพี่ประสงค์ มติชน และทีมข่าวประชาชาติธุรกิจ วันพฤหัส สังสรรค์วันเกิดของอาจารย์ที่คณะท่านหนึ่งละแวกสามเสน ปิดท้ายด้วยคืนนี้ (วันศุกร์) วนกลับไป Hemlock อีกครั้ง ผมกับพี่หมูนัดพี่โญ open พี่จอบ วันชัย แห่งสารคดี และคุณมุกหอม มาระดมสมองเรื่องรูปแบบและเนื้อหาหนังสือ 60 ปี อาจารย์รังสรรค์ เตรียมไว้สำหรับงานครบเกษียณของอาจารย์สิ้นกันยายนปีหน้า คุยกันสารพัดเรื่องตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงตีสอง

เป็นที่เพลิดเพลินบันเทิงใจ แต่จะเอาเวลาที่ใดมาเขียน blog เล่าท่าน

ว่าแล้วก็ขอส่งท่านผู้อ่านที่ประสงค์จะเดินทางย้อนเวลาสู่งาน Meet the Bloggers ครั้งที่ 1 ไปยัง blog ของ Ratioscripta ยอดขยัน (ใครยังไม่มีแฟน โปรดรับเขาไว้พิจารณาอย่างจริงจังเถิดครับ ... เชื่อผม เชื่อผม) นาย Ratio เขาเขียนเล่าบรรยากาศ และโพสต์รูปถ่ายของงานให้ชมกันใน เก็บตกบรรยากาศงาน Meet the Bloggers ครั้งแรก

ส่วน blogger ขี้เกียจ ผู้เอาแต่เดินสายกินอย่างผม ขอตัวไปนอนก่อนครับ

Sunday, August 14, 2005

Re-Open


ก้าวพ้นจากหลุมดำ

การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่ง blogger สุดขี้เกียจกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในห้วงเวลาหลังจากเหล่าพลพรรคที่ฝึกวิชาอยู่เมืองนอกบ้าง บ้านนอกบ้าง กลับคืนสู่บ้านเกิด

เพื่อให้มั่นใจว่าตำแหน่งนี้จะตกเป็นของนายนิติรัฐในท้ายที่สุด ผมเลยต้องรีบกลับเข้าวงการ มา Re-open blog ตัวเองโดยเร็ว

แรงดึงดูดของหลุมดำในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรรุนแรงมาก ไม่แปลกใจที่หลังจากนายนิติรัฐ หรือคุณ Tihtra กลับเมืองไทย วงการ blog ก็สูญเสีย blogger มือดีไปชั่วขณะ

ตั้งแต่กลับจากบ้านนอก ผมเองก็ห่างหายจากการเขียน blog ไปสองอาทิตย์ ที่ผ่านมา ผมใช้เวลากับการเดินสายพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูงและผู้คนเป็นหลัก และจัดทำต้นฉบับหนังสือรวมเล่มของผมและของอาจารย์วรากรณ์ที่จะออกในงานมหกรรมหนังสือฯ ต้นเดือนตุลาคมนี้เป็นรอง

เวลาที่เหลือก็ใช้ดู DVD (เพิ่งดู 24 season 3 จบเมื่อวันแม่) และตะลุยอ่านหนังสือเล่ม การ์ตูน และนิตยสารหลายเล่มที่ออกช่วงผมอยู่บ้านนอก ซึ่งเพื่อนซื้อเก็บไว้ให้

ผ่านมาสองอาทิตย์เต็ม ก็รู้สึกว่าสมควรได้เวลากลับคืนสู่โหมดปกติ ควรกลับมาลงมือจัดการกับวิทยานิพนธ์ และเขียนอ่านอย่างสม่ำเสมอดังเดิมได้แล้ว ก็ตั้งใจว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าจะค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนของการทำงานให้มากขึ้นโดยลำดับ ทีละเล็กละน้อย

เจออะไรสนุกๆ ก็จะมาเขียนเล่าให้อ่านกันใน blog เช่นเคย แม้จะไม่ถี่เหมือนตอนอยู่บ้านนอกก็ตาม


Re-Open

สำหรับแฟนๆ นิตยสาร Open ผมมีกิจกรรมแก้คิดถึงมาบอกกล่าว

สำนักหนังสือไต้ฝุ่น และ openbooks ภูมิใจเสนอ

Re-Open นิทรรศการภาพเกี่ยวกับนิตยสาร open

ชมภาพถ่ายโดยช่างภาพ open แต่ละยุค (ศุภชัย เกศการุณกุล, สมิทธิ ธนานิธิโชติ, ชนานันต์ โชติรุ่งโรจน์, วรพจน์ พันธุ์พงศ์) และงานศิลปะโดยไทวิจิตร พึ่งเกษมสมบูรณ์, ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา, ปราบดา หยุ่น

พบเจอพูดคุยระหว่างคนทำ คอลัมนิสต์ และคนอ่าน ด้วยบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม 2548 นี้ 17.00 น. ที่ Play Gallery ชั้น 3 Playground! ซอยทองหล่อ (ติดกับ สน.ทองหล่อ)

ใครว่างและสนใจ ก็ขอเชิญตรงนี้เลยนะครับ เข้าใจว่านิทรรศการภาพจะจัดแสดงประมาณหนึ่งเดือน ส่วนวันอังคารที่ 16 สิงหาคมเป็นงานเปิด ได้ข่าวว่าชาว open จะไปกันพร้อมหน้าพร้อมตา ผมมีประชุมตอนห้าโมงเย็นวันนั้นพอดี ถ้าประชุมเลิกไม่ดึก ก็คงตามไปตอนดึกๆ

ชมภาพแล้วยังไม่หายคิดถึง ก็อ่าน Popeyes กันต่อ

ตอนนี้ทีมงาน open เก่าบางส่วน เช่น วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ปราบดา หยุ่น นราวุธ ไชยชมภู ฯลฯ รวมตัวกันทำนิตยสารเล็กๆ บางๆ ขนาด 24 หน้า ชื่อว่า Popeyes แทรกตัวอยู่ในนิตยสาร Pop ของ บก.ตี้ สุรจักร์ ชัยวรศิลป์ ทุกเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

คิดถึงคอลัมน์หน้าศูนย์ของพี่คุ่น บทสัมภาษณ์ของพี่หนึ่ง งานเขียนอารมณ์ละเมียดของนราวุธ ก็เพิ่มความคิดถึงได้กับ popeyes ผมเองก็ไปร่วมแจมกับเขาเหมือนกัน


Meet the Blogger

ผมไม่เคยมีเพื่อนจากโลกอินเทอร์เน็ตมาก่อน กระทั่งมาเขียน blog

ผมหมายถึงเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่รู้ภูมิหลัง แต่กลับมาสนิทสนมกันใน Cyberspace

blogger คนแรกที่ได้เห็นหน้าค่าตา ก็คือ อาทิตย์ หรือ Tihtra ที่อุตส่าห์เดินทางมาเยี่ยมเยียนผมถึงบ้านนอกเมื่อหลายเดือนก่อน

กลับมาเมืองไทยคราวนี้ คนแรกที่ได้พบหน้าก็คือนายนิติรัฐ ที่ผมเฝ้ารอเจอตัวจริงมานาน

ครั้งแรก เป็นประสบการณ์เฉียด ผมอยู่ Hemlock นิติรัฐอยู่ Molly bar เราโทรคุยกัน แต่คืนนั้น วงโคจรยังไม่มาซ้อนทับ เพราะขวดเหล้ามันทับขาป๊อกไว้

ครั้งที่สอง สายลมแห่งชะตากรรมพัดเรามาเจอกันสักที แต่เป็นการเจอกันที่ไม่ธรรมดา จะเรียกว่าเจอกันแบบขำๆ ตามภาษานิติรัฐก็ไม่ผิด

ศุกร์นั้น เริ่มต้นจากผมอยู่ Molly bar นิติรัฐนั่งกินลมชมสะพาน จนตีหนึ่ง Molly bar ปิด ผมลองโทรหานิติรัฐว่ายังอยู่แถวนี้หรือเปล่า จะชวนไปนั่งเล่นที่ Hemlock ต่อ ปรากฏว่าโอเค ผมก็นัดเจอกันหน้า Hemlock ตอนตีหนึ่งกว่า ผมไปถึงก่อนเพราะใกล้กว่า

แต่ร้านปิด !!!

ยืนรอแป๊บนึง นิติรัฐก็พาร่างอันอวบอั๋นด้วยวิตามินแอลมาเจอผม ผมก็ตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้เจอ blogger ขวัญใจ

เจอกันแล้ว ปัญหาใหญ่ก็คือ ต้องหาที่นั่งคุย เพราะร้านแถวถนนพระอาทิตย์ปิดกันหมด เราก็เดินคุยเลียบถนนพระอาทิตย์ไปทางบางลำพู เผื่อเจอร้านข้าวต้มให้นั่งต่อได้ เดินถึงผู้จัดการ มองไปข้างหน้า สายตาผมเห็นชายสูงอายุผู้หนึ่งกำลังโบกมือเรียกแท็กซี่

"เฮ้ย พ่อกูนี่หว่า" ... ผมอุทานเบาๆ แล้ววิ่งไปเรียกพ่อ

ทักทายกันเสร็จ พ่อเปลี่ยนใจยังไม่กลับบ้าน ด้วยหน้าที่พ่อที่ดี เห็นลูกๆ ไม่มีที่นั่ง จึงต้องรับผิดชอบผมกับป๊อก

"ป่านนี้ร้านแถวนี้ปิดหมดแล้ว ยกเว้นที่หนึ่ง พ่อเพิ่งออกมา แต่เสียงดังหน่อยนะ" พ่อบอกลูกทั้งสอง

แล้วพ่อก็พาผมกับป๊อกไปที่ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่เล็กๆ หนึ่งห้อง ลักษณะย้อนยุค ชั้นล่างของอพาร์ตเม้นต์แถวๆ ซอยวัดสังเวช

เหลือบตามองรอบตัว 4-5 โต๊ะในร้านยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คน และแน่นอน ผู้คนในร้านทั้งหญิงและชาย มีอายุขั้นต่ำอยู่ที่ 50 ฤดูฝน บ้างใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ดูรูปการณ์แล้วน่าจะเป็นคนพื้นถิ่นบางลำพู บ้างใส่ชุดทำงานเรียบร้อย ฝ่ายคุณพี่ผู้หญิง(ในบางอารมณ์ของชีวิต ผมคงเรียกคุณป้า)แต่งตัวทำผมอย่างสวยงามเหมือนเช่นที่เคยเห็นในนิตยสารยุคโบราณ ผมมั่นใจสายตาตัวเอง แม้จะละเลียดน้องแอลไปแล้วไม่น้อย

"จะกลับบ้านแล้วดันเจอน้องชายว่ะ" พ่อบอกเพื่อนฝูงในร้านถึงสาเหตุที่ต้องกลับมาใหม่ หลังจากรอบแรกก็นั่งยาวตั้งแต่บ่ายแก่

ครั้งแรกระหว่างผมกับป๊อก เลยเป็นการสนทนาธรรมในบรรยากาศย้อนยุค บนโต๊ะมีเบียร์สิงห์ คลอด้วยเสียงเพลงสุนทราภรณ์บ้าง เพลงลูกกรุงสมัยแรกเริ่มบ้าง บทเพลงซึ่งเหล่าคุณน้าคุณอาคุณป้าคุณลุง ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปร้องเป็นที่รื่นเริงบันเทิงใจ

พ่อผมนั่งคุยด้วยสักพัก ก็ขอตัว ลุกจากเก้าอี้

ไม่ได้ตรงไปโต๊ะข้างๆ ... แต่ตรงขึ้นเวที

มือถือไมค์ ไฟส่องหน้า ครวญเพลงให้เพื่อนร่วมร้านฟัง

"พ่อพี่โคตรวัยรุ่นเลยว่ะ" ป๊อกหันมาคุยกับผม

"พี่ชายน้องคอแข็งเป็นบ้า ผมยกนิ้วให้เลย" เพื่อนพ่อเดินมากระซิบข้างหูของผม

"ครับพี่" ผมตอบคุณลุงคนนั้น


Meet the Bloggers

ว่าแล้ว เรามานัดสังสรรค์หมู่เหล่าชาว bloggers กันให้พร้อมหน้าพร้อมตาดีกว่า

ผมขอเชิญทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน blog ของผมและผองเพื่อน ร่วมพบหน้าพูดคุยกันสนุกๆ ไม่ว่าท่านจะเขียน blog หรือแวะเวียนมาอ่านก็ตาม ไม่ว่าท่านจะรู้จักผมและผองเพื่อนมาก่อนหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา

เชิญมาร่วมสนุกกันเถิด

ชื่องาน: Meet the bloggers ครั้งที่ 1

สถานที่: ร้าน Hemlock ถนนพระอาทิตย์

วันเวลา: จันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2548 เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป

โปรดอย่าพลาด !!!