pin poramet's blog

Enjoy the world of bloggers !!!

Monday, November 28, 2005

จาก Cantona ถึง Best

เท่อีกแล้ว King Eric ของผม


Cantona Hails Reds Legend Best

28/11/05 2:05 PM

ที่มา http://www.manutd.com/


........

Eric Cantona has paid tribute to the late George Best who passed away last Friday.

The Frenchman contacted ManUtd.com in order to express his personal thoughts on the United legend.


Cantona said: "After his first training session in heaven, George Best, from his favourite right wing, turned the head of God who was filling in at left-back.

"I would love him to save me a place in his team, George Best that is, not God."


Report by Gemma Thompson.

Wednesday, November 23, 2005

ใกล้เข้าไปอีกนิด

รายงานความคืบหน้าสำหรับแฟน OPEN คร้าบ

ตอนนี้ รูปโฉมใหม่ของเว็บ onopen เสร็จแล้วนะครับ คราวนี้ สวยงามด้วย และเป็นมิตรกับผู้อ่านมากขึ้นด้วย แต่เรายังไม่ได้เปลี่ยนหน้าตาใหม่ขึ้นแสดง เพราะกำลังอยู่ระหว่างจัดทำเนื้อหา และวางระบบจัดการข้อมูล

คาดว่า คงใช้เวลาอีกสักพัก

ต้องขอบคุณทุกท่านที่แสดงความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์เว็บไซต์นะครับ

ความดีงามในส่วนการออกแบบเว็บ จนได้หน้าตาสวยงามทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ ต้องยกให้คุณลี แฟน OPEN ที่มาช่วยเหลือลงแรง ซึ่งทั้งกองบรรณาธิการไม่มีความรู้ด้านนี้เลย

ส่วนความดีงามในส่วนการวางระบบบริหารจัดการเว็บ ต้องยกให้นายกร แห่ง Storythai ที่เสียสละกำลังกายและกำลังสมองมาช่วยพวกเราฟรีๆ ตามประสาแฟน OPEN เช่นกัน

ขอขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลัง open online ทั้งคู่ ณ ที่นี้ อีกครั้งหนึ่ง

พลันที่คุณกรวางระบบบริหารจัดการเว็บแล้วเสร็จ และมาฝึกสอนวิธีการอัพโหลดข้อมูลให้ทีมงาน เมื่อนั้น open online ก็คงพร้อมออกสู่โลกไซเบอร์สเปซ

เพราะเวลานี้ ต้นฉบับได้ทยอยเดินทางมานอนนิ่งใน mailbox มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

โปรดอย่ารอคอย แต่จงติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน !

......

ตั้งแต่ใช้ blog นี้ บอกเล่าเก้าสิบความคืบหน้าของ open online ก็มีแฟน OPEN หลายคน ให้คำแนะนำบ้าง ถามคำถามบ้าง ก็ต้องขออภัยนะครับที่มิได้ตอบคำถามเป็นรายบุคคล

แม้จะสายไปหน่อย ก็ขอยกบางประเด็นมาคุยกันตรงนี้ครับ


อยากให้ทำ open online ฉบับ PDF ที่จัดหน้าให้เหมาะสมกับการอ่านบนกระดาษด้วย

ผมอยากเรียนว่า open online ไม่มีกองบรรณาธิการที่นั่งทำงานเฉพาะส่วน online เป็นประจำน่ะครับ ส่วน open online เป็นงาน 'ลงแขก' ของแต่ละคนที่ต่างมีงานประจำกันอยู่แล้ว กองบรรณาธิการที่ทำงานใน OPEN ปัจจุบัน ก็มีหน้าที่ผลิตหนังสือเล่มของ openbooks เป็นหลัก ซึ่งก็หนักหนาสาหัสกันเอาเรื่อง เพราะตอนนี้มีกัน 3 คนเท่านั้น (ช่วยกันทำ ทั้งจัดเตรียมต้นฉบับ เรียบเรียง ถอดเทป พิสูจน์อักษร ติดต่อผู้เขียน) ตัวผมเอง ก็มีงานประจำของผม (ผมไม่ได้ทำงานประจำที่ OPEN นะครับ) และยังมีภารกิจด้านการเรียนด้วย คอลัมนิสต์ทุกท่านที่มาร่วมสนุก ก็ไม่ได้รับค่าเรื่องแม้แต่บาทเดียว

การกลับมาของ OPEN ครั้งนี้ใช้โมเดล 'คนไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ' อย่างแท้จริง ไม่มีใครได้ผลประโยชน์ทางธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีโฆษณา (ยกเว้นโฆษณาหนังสือ openbooks) ไม่มีรายรับจากการมีเว็บเลย ... เรียกว่า อ่านฟรี ทำฟรี เขียนฟรี ดูแลเว็บฟรี กันทุกผู้ทุกนาม

เช่นนี้แล้ว เราเลยพยายามจำกัดภาระงานให้น้อยที่สุด เหลือเพียงงานที่จำเป็นต่อความอยู่รอดของ open online เท่านั้น เพื่อไม่สร้างความยากลำบากในชีวิตต่อทุกฝ่ายที่มีส่วนข้องแวะกับ open online จนเกินพอดี

การแปลงไฟลเป็น PDF ก็ถือเป็นภาระงานที่เพิ่มขึ้นประการหนึ่ง เพราะยังต้องจัดหน้าบทความอีกด้วย ทำไปทำมา จะคล้ายกับการกลับมาทำนิตยสารครั้งใหม่ไป

กระนั้น ใครอยากอาสาทำ เราก็ไม่ว่ากล่าวนะครับ ผู้อ่าน open online ท่านใด อยากทำ ตามสบายเลยครับ จัดหน้า เรียงเนื้อหา open online ตามชอบใจ แล้วอัพโหลดไว้ใน blog หรือเว็บของท่าน ให้เพื่อนๆ ท่านอื่นดาวโหลดได้ ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง ช่วยลงแรง แล้วแบ่งปันกันครับ

จากต้นฉบับที่ผมได้มา เนื้อหาส่วนใหญ่ของแต่ละคอลัมน์ยาวมากเลยครับ อาจจะไม่เหมาะกับการอ่านออนไลน์ให้ปวดสายตา ท่านคงจะต้องปรินท์ออกมาหากจะอ่านจริงๆจังๆ ซึ่งในเว็บใหม่ของ onopen ที่กำลังจะเสร็จ จะสะดวกกับการปรินท์มากขึ้นครับ และไม่ใช้ flash เหมือนเว็บเวอร์ชั่นปัจจุบัน

ด้วยความจำกัดด้านเวลา ทุน และแรงงาน ของสำนักพิมพ์จนๆ และคนทำจนๆ ยุ่งๆ คงต้องขอผลักภาระตรงนี้ให้ผู้อ่านช่วยๆ กันเองแล้วกันนะครับ หวังว่าคงจะเข้าใจข้อจำกัดเหล่านี้

หากเป็นการอ่านกันในที่พักอาศัย จะทำการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด ของ open online ให้เพื่อนพ้องก็ทำได้ ไม่ว่ากัน เพียงอย่าเอาไปรวมเล่มขายเพื่อการค้าก็แล้วกัน


open online จะมี feed หรือไม่

แรกสุดที่ผมได้อ่านคำถามนี้ สารภาพว่ายังไม่รู้ว่า feed คืออะไรเลยครับ ถามเพื่อน เพื่อนก็ว่า สงสัยจะหมายถึง feedback มั้ง (ฮา)

ถามไถ่ผู้รู้ ตอนนี้พอเข้าใจบ้างแล้ว แต่ผมเองน่ะ ทำไม่เป็นแน่ แล้วจะส่งต่อไปขอความกรุณาจากนายกรแล้วกันนะครับ


ทำไมต้องทำเป็น e-magazine

เพราะไม่มีเงิน และไม่มีแรงครับ

หากอ่านบทบรรณาธิการของพี่โญในฉบับอำลา คงพอจะเห็นภาพของความเหนื่อยยากในการรักษา OPEN ไว้บนแผงหนังสือ

การเลือกใช้สื่อออนไลน์ก็เป็น 'การทดลอง' โมเดลใหม่ ที่ต้นทุนต่ำ และไม่ต้องต่อสู้กับโครงสร้างที่บิดเบี้ยวในตลาดนิตยสารเมืองไทย แต่สามารถรักษา 'ชุมชน' OPEN ไว้ได้ ตามเรี่ยวแรงที่พอมี ดีกว่าให้พัดจมไปเฉยๆ ตามการแตกดับของตัวนิตยสาร

งานเขียนที่จะลงใน open online มีทั้งส่วนที่เป็นงานเขียนเก่า และใหม่

คอลัมนิสต์บางท่านก็งานล้นมือ เราก็ขอต้นฉบับที่ท่านได้เขียนไว้ตามแหล่งอื่น มารวบรวมไว้ที่นี่อีกครั้งหนึ่ง แต่เท่าที่ได้พูดคุย งานส่วนใหญ่จะเป็นงานใหม่ที่ยังไม่เคยลงพิมพ์ที่ใดมาก่อน บางคนก็อาจผสมงานเก่าและเขียนใหม่เมื่อมีอารมณ์และเวลา

เรื่องของเรื่องคือ เราอยากรวบรวมข้อเขียนของคอลัมนิสต์ใน 'ชุมชน' OPEN ไว้ที่เดียวกัน ให้ผู้อ่านเปิดมาดูเว็บเดียว สามารถรู้ได้ว่า ขณะนี้คอลัมนิสต์คนนั้นคนนี้คิดเขียนอะไรกันบ้าง แล้วมีกรุต้นฉบับให้สามารถค้นย้อนหลังได้ด้วย

open online ไม่ได้รออัพเดทพร้อมกันทุกคอลัมน์ เดือนละครั้ง เหมือนตัวนิตยสารนะครับ คอลัมนิสต์คนไหน ส่งงานมาก่อน เราก็เอาขึ้นเว็บทันที ฉะนั้น เว็บจะมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย จะมีเพียงตอนเปิดตัวปฐมฤกษ์เท่านั้น ที่เราจะนำทุกคอลัมน์ขึ้นเว็บพร้อมกัน


ใครมีคำถามหรือข้อเสนอแนะอะไรก็ทิ้งกันไว้ได้นะครับ แล้วจะมาคุยด้วย ต้องขอโทษด้วยนะครับที่บางครั้งทักทายไม่ทั่วถึง ไม่ได้คุยด้วยเป็นรายคน แต่ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านนะครับ ฟังข้อมูลเรื่อง open online แล้ว ใครอยากอาสามาช่วยอะไรตรงไหนก็ลองอีเมลมาคุยกันได้ครับ

......

ส่วนที่บางท่านสอบถามกันเรื่องสังสรรค์ Meet the Bloggers ครั้งที่ 2 (อันนี้ไม่เกี่ยวกับ open online) นั้น

อย่างที่บอกครับ ขอเชิญเพื่อนๆ ทุกท่าน ไม่ว่าท่านจะรู้จักเราหรือไม่ ไม่สำคัญ ไม่ต้องเขิน ไม่ต้องรอให้สนิท ถ้าใจอยากมาคุยกันก็มา ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่า เดินเข้าร้านเฮมล็อกตามวันเวลาที่เราจะแจ้งให้ทราบในอนาคตอันใกล้

ไว้ใกล้ๆ จะเปิดสำรวจจำนวน เพื่อจองโต๊ะอีกทีหนึ่งนะครับ

......

Monday, November 21, 2005

O Captain! My Captain!



คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังปิดสภากาแฟตอนตีสองกว่า ผมถึงบ้านเกือบตีสาม ยังไม่ทันอาบน้ำอาบท่า ก็ต่ออินเทอร์เน็ต หมายจะเช็คอีเมลก่อนนอน

อย่างไม่คาดคิด - ผมกลับต้องพบข่าวสุดช็อคเมื่อ soccernet พาดหัวใหญ่ถึงการอำลาทีมอย่างทันด่วนของ Roy Keane กัปตันทีม Manchester United นักเตะอันดับหนึ่งในดวงใจของผม

เป็นข่าวร้ายที่ช็อคแฟนผีแดงมากไม่แพ้การจากลา Old Trafford ของ Eric Cantona

......

Roy Keane ย้ายจาก Nottingham Forest มา Manchester United ตั้งแต่ปี 1993 ด้วยค่าตัว 3.75 ล้านปอนด์ เมื่ออายุย่าง 22 ปี

ไม่ต้องรอนาน เพียงนัดแรกที่ Old Trafford (นัดที่สองในเสื้อปีศาจแดง) Keane ก็ส่งสัญญาณความไม่ธรรมดาของเขาถึงเหล่าสาวกผีแดง โดยซัลโวถึง 2 ประตู ในนัดดับ Sheffield United 3-0

หลังการจากไปของ Cantona ในฤดูร้อนปี 1997 Keane สวมปลอกแขนกัปตันทีมคนใหม่ และทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะรักหรือเกลียดเขา คงไม่เกินเลยหากจะเอ่ยอ้างว่า ยามแฟนบอลไม่ว่าทีมใด จินตนาการถึงกัปตันทีมในฝัน หน้าของ Roy Keane คงลอยขึ้นมาเป็นลำดับต้นๆ

12 ปีครึ่ง ในรั้ว Old Trafford ของเขา ลงเล่นใน Manchester United ทั้งสิ้น 479 นัด ยิงทั้งสิ้น 51 ประตู ในจำนวนนี้ รวมถึงเกมพรีเมียร์ชิพ 326 นัด ยิง 33 ประตู และเกมสโมสรยุโรป 75 นัด ยิง 12 ประตู

Keane คว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพ 7 ครั้ง แชมป์เอฟเอคัพ 4 ครั้ง แชมป์ยุโรป 1 ครั้ง และแชมป์มิคกี้เม้าส์อื่นๆ อีกหลายครั้ง

แมทช์สุดท้ายที่เขาลงเล่นในเสื้อปีศาจแดงคือ นัดเยือนลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ เมื่อ 18 กันยายน 2005 ซึ่งเสมอกันไป 0-0 และเขาได้รับบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก โดยหารู้ไม่ว่า นั่นเป็นการสวมเสื้อผีแดงครั้งสุดท้ายของเขา

......

Roy Keane เป็นนักเตะในดวงใจอันดับหนึ่งของผม

มิดฟิลด์ในตำนานผู้นี้สร้างชื่อจากความหนักแน่น ทุ่มเท แข็งแกร่ง แรงดีไม่มีตก ตั้งแต่รับตำแหน่งกัปตันทีม Keane ถือเป็น 'หัวใจ' ของ Manchester United อย่างแท้จริง มีส่วนในเกมทั้งรับและรุก มีอิทธิพลต่อนักเตะคนอื่นๆ ในทีม ทั้งในและนอกสนาม

ช่วงเวลาที่สุดยอดที่สุดของเขา น่าจะเป็นช่วงฤดูกาล 1998-1999 และ 1999-2000 ในฤดูกาล 1998-1999 Keane เป็นผู้นำทีมปีศาจแดงคว้า 3 แชมป์อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตกองเชียร์ผีแดงทุกคน

แมทช์ที่ลืมไม่ลง และสะท้อนความเป็นตัวของเขาอย่างชัดเจน คือ แมทช์ที่ Manchester United บุกไปชนะ Juventus ถึงตูริน 3-2 ในศึกชิงเจ้ายุโรปรอบ 4 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2

Keane นำทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ด้วยฟอร์มสุดยอด แม้จะถูก Juventus นำไปก่อนถึง 2-0 ตั้งแต่ต้นเกม ลูกโหม่งตีไข่แตกของ Keane ทำให้ผีแดงกลับสู่เกมได้ จนพลิกกลับมาชนะในบั้นปลาย

ในแมทช์นั้น Keane ต้องรับใบเหลืองตั้งแต่ครึ่งแรก ซึ่งหมายความว่า เขาจะไม่ได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ เพราะสะสมใบเหลืองครบโควตา ทำให้ต้องถูกแบน แต่ Keane ไม่ได้ก้มหน้าผิดหวังรับชะตากรรมเศร้าสร้อย กลับเชิดหน้า ทุ่มเทเค้นฟอร์มสุดยอดนำลูกทีมเข้าสู่รอบชิงได้สำเร็จ

ฤดูกาลต่อมา Keane ยังโชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่น แต่โชคร้ายที่ผีแดงไม่สามารถเข้าชิงชนะเลิศ Uefa Champion League ได้อีก แต่เขาได้รับตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งเกาะอังกฤษ ทั้งจากสมาคมนักบอลอาชีพ และนักข่าว

ปีต่อมา เขาสร้างรอยด่างให้กับตัวเอง จากการถูกไล่ออกในการเสียบ Alfie Inge Haaland อย่างน่าเกลียด ซึ่งภายหลัง เขาเขียนไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติว่า เขา 'จงใจ' เสียบ Haaland เพื่อ 'ล้างแค้น' ที่เคยโดน Haaland เข้าเสียบจนเข่าพังมาก่อน

......

ในฐานะแฟนผีแดงทั้งตัวและหัวใจ ผมมีเสื้อทีมปีศาจแดงแทบทุกชุด แต่ตัวที่ประทับใจที่สุดคือ เสื้อสลักชื่อ Roy Keane และเบอร์ 16 ของเขาไว้ด้านหลัง ผมถือเสื้อ Keano เป็นเสื้อนำโชคส่วนตัวตอนไปเรียนที่บ้านนอก เสื้อสีแดงตัวนี้ เข้าห้องสอบกับผมทุกครั้ง ทั้งการสอบปลายภาค และสอบ Comprehensive Exams

แม้กระทั่งตอนสอบดีเฟนข้อเสนอวิทยานิพนธ์ต่อหน้าคณะกรรมการทั้งสาม ผมก็สวมชุด Roy Keane เข้าไปสอบ !!!

นับตั้งแต่เป็นแฟนปีศาจแดง Roy Keane เป็นตัวอย่างให้ผมหลายอย่าง โดยเฉพาะความเป็นมืออาชีพ ทุ่มเท จริงจัง ตรงไปตรงมา ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อย่างงอมืองอเท้า ตั้งใจสู้เต็มที่ตราบเท่าที่เสียงนกหวีดยังไม่หมดเวลา ทำปัจจุบันขณะให้ดีที่สุด

Keane ตอบแทนให้กับสโมสรอย่างคุ้มค่าเหนื่อยทุกปอนด์ กระหายในความสำเร็จเสมอ ลงสนามอย่างเต็มที่ดีที่สุดทุกครั้ง เมื่อไหร่ที่เห็นอะไรที่ไม่เข้าท่า เช่น พฤติกรรมการเชียร์บอลของแฟนบอล การฝึกซ้อมไม่จริงจัง นักเตะมือไม่ถึง เล่นไม่ได้เรื่อง ฯลฯ เขาไม่เคยลังเลที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ไม่กลัวเปลืองตัวเสมอ

ความเป็น 'คนจริง' ของเขา ทำให้เขาต้องถูกตัดออกทีมไอร์แลนด์ในการสู้ศึกฟุตบอลโลก 2002 รวมถึงต้องอำลาทีมในครั้งนี้

เบื้องหลังการยกเลิกสัญญาระหว่าง Roy Keane และสโมสร คงเป็น 'ผลพวง' จากการวิจารณ์ผลงานและตัวนักเตะรุ่นหนุ่มของสโมสรหลายคนผ่าน MU TV ในแมทช์อัปยศที่แพ้ Boro 4-1 เมื่อสองสัปดาห์ก่อน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เนื้อหาที่ Keane ให้สัมภาษณ์เป็นสิ่งที่อยู่ใน 'ใจ' ของแฟนผีแดงทั่วไป แต่ที่สโมสรแห่งนี้ ไม่มีใครใหญ่เกินกว่า Sir Alex Ferguson ผู้จัดการทีม

การสูญเสีย Roy Keane เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แม้หลายคนจะบอกว่า Keane อยู่ในช่วงขาลงของชีวิตนักเตะก็ตาม แต่ถึงทุกวันนี้ เขายังคงเป็น 'หัวใจ' ของทีม และยังหาใครมาทดแทนไม่ได้

ตัวตนของ Keane คือตัวตนของ Manchester United ในสนามฟุตบอล เช่นเดียวกับที่ตัวตนของ Sir Alex Ferguson เป็นตัวตนของ Manchester United

สำหรับผมแล้ว ความเป็น Fergie + Keane + Cantona = ตัวตนของ Manchester United ในยุคพรีเมียร์ชิพ

เช่นนี้ การสูญเสีย Roy Keane อาจเป็นการสูญเสีย 'ตัวตน' ที่สำคัญของทีมปีศาจแดงส่วนหนึ่งไป

หาก Sir Alex Ferguson ต้องอำลา Manchester United ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วยอีกคน

Manchester United ที่เราเคยรู้จักคุ้นเคย อาจเหลือสถานะเป็นเพียง 'ตำนาน' ในอดีต

'ตัวตน' ของ Manchester United จะเปลี่ยนไปอย่างไร เป็นเรื่องที่มิอาจคาดการณ์

มิพักต้องทำนายทายทักถึง ความสำเร็จของทีมในทศวรรษต่อไป

แฟนปีศาจแดงระดับรากหญ้าอย่างเราๆ ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมรับในหลักอนิจจัง

......

Tuesday, November 15, 2005

Meet the Bloggers ครั้งที่ 2

สิ้นปีนี้ เตรียมตัวเตรียมใจ ร่วมสังสรรค์ Meet the Bloggers ครั้งที่ 2

เราจะเฝ้ารอจนถึงวันที่ StrawHat, November Seabreeze, ยอดมนุษย์หญิง, อาทิตย์ และพี่บุญชิต กลับเมืองไทย

หลังจากที่ตอนนี้นายนิติรัฐ และน้องมิ้ม กลับมารอท่า เรียบร้อยแล้ว

พร้อมหน้าพร้อมตา ครบทีมเมื่อไหร่ เจอกันแน่นอน ที่เดิม

เชิญชวน 'ทุกท่าน' ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนชุมชน bloggers ของพวกเรา ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่นๆ

รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบต่อไป ... ก่อนเปลี่ยนปีปฏิทิน

โปรดอย่ารอคอย แต่จงติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน !

Monday, November 14, 2005

แบบทดสอบจริยธรรม

กติกา

แบบทดสอบนี้มีคำถามเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่ถือว่าเป็นคำถามที่สำคัญยิ่ง หากคุณตอบคำถามนี้อย่างสัตย์ซื่อ คุณจะสามารถตรวจสอบจุดยืนทางจริยธรรมของตัวเองได้

หลังสถานการณ์จำลอง เราจะถามคำถาม เพื่อทดสอบการตัดสินใจของคุณ

จงจำขึ้นใจว่า คุณต้องตอบคำถามดังกล่าวอย่างสัตย์ซื่อ และตอบทันควันตามสัญชาตญาณส่วนลึกของคุณ

โปรดอ่านสถานการณ์จำลองข้างล่างนี้อย่างช้าๆ โดยพิจารณาความอย่างละเอียดทุกตัวอักษร

----------

สถานการณ์จำลอง

สมมติว่า ขณะนี้คุณอยู่ที่เมืองไมอามี่ รัฐฟลอริดา รอบตัวคุณเต็มไปด้วยความพินาศย่อยยับจากพายุเฮอริเคนและน้ำท่วมใหญ่ ตัวคุณคือช่างภาพหนังสือพิมพ์ชื่อดัง ผู้โชคดีมีชีวิตรอดอยู่ท่ามกลางภัยพิบัติครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์

สถานการณ์เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มองไปที่ใดก็เห็นแต่ซากผู้คนและบ้านเรือนซึ่งถูกน้ำพัดพา ด้านตัวคุณ พยายามจะถ่ายภาพชิ้นเอกที่โดดเด่นที่สุดในชีวิตการทำงาน ... ภาพซึ่งสะท้อนความเกรี้ยวกราดของธรรมชาติ ... ภาพแห่งชีวิต

----------

แบบทดสอบ

ทันใดนั้น คุณมองเห็น ชายผู้รอดชีวิตอีกคนจมอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยว เขากำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองอย่างหนักหน่วง คุณพยายามเคลื่อนตัวไปใกล้ชายผู้นั้น หน้าตาของเขาแลดูคุ้นเคย ไม่ถึงวินาที คุณก็ตระหนักชัดในทันใดว่า เขาคือ จอร์จ บุช ผู้ลูกนั่นเอง !

วินาทีเดียวกับที่คุณรู้ว่าเขาคือใคร สายน้ำอันเชี่ยวกรากก็กำลังจะพรากชีวิตของเขาให้จมดิ่งอยู่ใต้บาดาลตลอดกาล

ตอนนี้ คุณมีทางเลือกสองทาง

ทางหนึ่งคือยื่นมือเข้าช่วยชีวิตประธานาธิบดีบุช

อีกทางหนึ่งคือ กดชัตเตอร์ถ่ายภาพระดับรางวัลพูลิตเซอร์ ภาพซึ่งบันทึกวาระสุดท้ายของนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกขณะนี้

----------

คำถาม

ข้างล่างนี้คือคำถามเพียงหนึ่งเดียวของเรา โปรดตอบคำถามด้วยความสัตย์ซื่อ เพื่อค้นหาจุดยืนทางจริยธรรมของตัวคุณเอง


คุณจะเลือกใช้ฟิล์มสีหรือฟิล์มขาวดำ ?

Saturday, November 12, 2005

บอกเล่าเก้าสิบ

เมื่อวาน ทีมงาน open online ประชุมกันที่บ้านสีฟ้า ประเด็นหลักว่าด้วยหน้าตาของ open online รวมถึงการปรับปรุงรูปร่างหน้าตาและเนื้อหาของเว็บไซต์ onopen.com ตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์

ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ คงพอเห็นหน้าตาเว็บใหม่ พร้อมๆ กับ open online

เมื่อ open online ถือกำเนิด เนื้อหาของ blog ผมก็อาจจะเปลี่ยนแนวไปบ้าง อาจเน้นไปทางเรื่องราวรอบตัวเป็นการเฉพาะ กำลังคิดอยู่ว่าจะเขียนแนวไหนหรือเขียนอะไรดี อยากหาแนวใหม่ๆ เขียน มีคำแนะนำก็บอกมาได้นะครับ ว่าอยากอ่านอะไรกัน

ส่วนเนื้อหาว่าด้วยเศรษฐกิจ การเมือง สังคม คงไปว่ากันใน open online และคอลัมน์ 'มองซ้ายมองขวา' ในประชาชาติธุรกิจ ที่จะกลับมาเริ่มเขียนอีกครั้งในปีหน้า

ช่วงนี้และต่อจากนี้ เวลาที่ผมแบ่งให้กับการละเล่นใน cyberspace อาจจะหนักไปทาง open online มากกว่าที่ blog นี้ โดยเฉพาะในช่วง open online ตั้งไข่

......

หลังจากล่าช้ามาเนิ่นนาน พฤหัสที่ผ่านมาเป็นวันแรกที่ BLOG BLOG ของผม เข้าสู่ร้านหนังสือทั่วไปเสียที

ใครเคยหาซื้อไม่ได้ตามร้านหนังสือ ตอนนี้น่าจะหาได้แล้วนะครับ

นึกถึงตอนทำต้นฉบับ ร่างแรกนี่ปาเข้าไปร่วม 400 หน้า ต้องตัดแก้หลายครั้ง จนได้หนังสือ 320 หน้า ดังที่เห็น ประมาณว่าต้องตัดต้นฉบับหลายส่วนทิ้งทั้งน้ำตา ทีละชิ้นสองชิ้น กว่าจะลงตัว

ส่วนที่เสียดายที่สุดคือ คำนิยม ที่ให้เพื่อนๆ bloggers ละแวกนี้ ช่วยกันเขียนให้คนละนิดละหน่อย เพื่อรวบรวมเป็นที่ระลึกในฐานะเพื่อนร่วมชุมชน

ปรากฏว่า พอแต่ละท่านส่งมา เฉพาะส่วนคำนิยมทั้งหมดปาเข้าไป 27 หน้า อาจกลายเป็นหนังสือที่มีคำนิยมยาวที่สุดในโลกได้ไม่ยาก เมื่อพิจารณาความเหมาะสมลงตัวของหนังสือ และเพื่อไม่ให้ผู้อ่านรู้สึกเลี่ยนกับผู้เขียนจนเกินไป พี่โญกับผมเลยเห็นพ้องกันว่า คงไม่สามารถนำทั้งหมดลงพิมพ์ได้ ผมเลยให้พี่โญเลือกสรร สุดท้ายเลยลงพิมพ์ของ B.F.Pinkerton และ Etat de droit ส่วนของท่านที่เหลือนำไปโพสต์ให้ตามไปอ่านกันที่

http://pinporametbook.blogspot.com

ผมก็ต้องขอโทษเพื่อนฝูงที่กรุณาเขียนคำนิยมให้อีกครั้งหนึ่ง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ทุกคนมารับ BLOG BLOG ได้ฟรีที่ผมนะครับ

ชื่อ BLOG BLOG นี่ ก็มาจากการตั้งของพี่โญ หลังจากได้ยินเสียงหมาเห่าในดึกคืนหนึ่ง ในช่วงที่กำลังคิดชื่อหนังสือให้ผมนี่แหละ

เล่มนี้เราก็คิดกันหนักว่าจะเน้น 'ขาย' อะไรดี สุดท้าย ก็คิดว่า ขายความเป็น BLOG แล้วกัน เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้เลยว่า BLOG คืออะไร ส่วนเนื้อหาที่เป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม พี่โญก็เสนอให้ผม เปลี่ยนมาใช้ชื่อจริงแทน คนอ่านจะได้พอรู้แนว โดยที่ไม่ต้องแนะนำมาก (จริงๆ เล่มนี้ ผมจะใช้ชื่อผู้เขียนว่า 'ปิ่น ปรเมศวร์' โดยไม่มีชื่อจริงประกบ เพิ่งตัดสินใจเปลี่ยนนาทีใกล้จะสุดท้าย)

นอกจากนั้น ชื่อ BLOG BLOG มันยังเป็นเสียงเห่า ของ 'หมาเฝ้าบ้าน' รูปแบบใหม่ ที่กำลังมีอิทธิพลมากขึ้นในวงการสื่อสารมวลชนทั่วโลก

blog ทำให้สื่อสารมวลชนมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ทั้งมิติการเมืองและมิติเศรษฐกิจ เพราะคนเล็กคนน้อย ที่ไร้ทุนไร้อำนาจ สามารถเป็นเจ้าของสื่อได้เอง อย่างสะดวกง่ายดาย ต้นทุนต่ำ มีพื้นที่พูดคุยกับสังคมได้ โดยไม่มีใครเซ็นเซอร์และครอบงำ เพิ่มความหลากหลายทางความคิด เพิ่มทางเลือกในการเสพสื่อ และยังเปิดโอกาสให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้อ่านและผู้เขียนอย่างทันใจ มีพลวัตสูง

หวังว่าพวกเราจะยังช่วย 'เห่า' กันต่อไป

......

ร้านเฮมล็อค ท่าพระอาทิตย์ มีฟรีคอนเสิร์ตดีๆ มานำเสนออีกแล้วครับท่าน

อาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายนนี้ เวลา 13-14.00 น. พบกับคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิค โดยนักดนตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากร และวง B.S.O. นำทีมโดย อ.ทัศนา นาควัชระ

ใครว่าง ไม่ควรพลาด !!!

......

Wednesday, November 09, 2005

รายงานความก้าวหน้า open online

ช่วงนี้ขออนุญาตแปลง blog เป็นอุปกรณ์รายงานความคืบหน้าของ open online สักพักหนึ่งนะครับ เพราะเจ้าของ blog กำลังหมกมุ่นกับ open online อยู่ ต้องขออภัยผู้เยี่ยมชมที่ไม่ใช่แฟน OPEN มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

open online ยังรักษาเสน่ห์ของนิตยสาร OPEN ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย นั่นคือ ไม่มีใครรู้ว่าจะเสร็จวางแผงได้เมื่อไหร่ (ฮา)

ถึงตอนนี้ ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่า เราจะเข็น open online สู่ไซเบอร์สเปซได้เมื่อไหร่แน่ แต่เราก็กำลังพยายาม(ตามเรี่ยวแรง, ความรู้ความสามารถ และเวลาที่พึงมี) จัดการให้ทันช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่สามารถรับปากได้ครับ หรือถึงรับปาก ก็ยังเบี้ยวได้อยู่ดี (ฮา)

ความคืบหน้า ณ เวลานี้ก็คือ เราวางตัวคอลัมนิสต์ และคอลัมน์ต่างๆ ใน open online เรียบร้อยแล้ว เชิญคอลัมนิสต์ตามรายชื่อข้างล่างเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแทบทุกคนจะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันตั้งแต่ฉบับแรก มีบ้างที่สัญญาว่าจะตามมาภายหลังในมิช้า

ขณะนี้ทีมงานกำลังรอต้นฉบับจากนักเขียนที่รักของเราด้วยความตื่นเต้น และคิดถึงในตัวอักษรของท่านทั้งหลาย (ตอนนี้ยังไม่ถึงเส้นตายส่งต้นฉบับ)

เรื่องต้นฉบับคงไม่มีปัญหา เพราะเราได้รับการสนับสนุนอย่างยอดเยี่ยมจากเหล่าคอลัมนิสต์ทุกท่าน แต่ที่ยังไม่เรียบร้อยลงตัวคือหน้าตาและระบบจัดการของเว็บมากกว่า ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะกินเวลาไปอีกขนาดไหน อาจจะต้องค่อยๆ ปรับปรุงกันไปตามกาลเวลา

เพื่อนฝูงที่ผ่านไปมาละแวกนี้, เป็นแฟน OPEN และมีความรู้ด้านการทำเว็บไซต์ หากอยากช่วยเหลือก็แสดงตัวออกมาได้นะครับ เผื่อผมจะได้ขอความรู้และความช่วยเหลือยามจำเป็น

ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบใน blog ตอนต่อๆ ไป

ขอทิ้งท้ายด้วยรายชื่อคอลัมน์ และคอลัมนิสต์ ของ open online ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลังตามหลักอนิจจัง

......

รายชื่อคอลัมน์ใน open online


ส่วนกลาง

1. open here - ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา / ปกป้อง จันวิทย์
2. open feature - กองบรรณาธิการ open
3. coffee with open - วรพจน์ พันธุ์พงศ์ / กองบรรณาธิการ open

ส่วนที่ 1

1. จับกระแสข่าวร้อน - ทีมข่าวอิสระ
2. one ton - วันชัย ตัน
3. head hitting - ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์
4. เคียงข้างประชาชน - สุริยะใส กตะศิลา
5. open out - วัฒนชัย วินิจจะกูล
6. open EC - วิมุต วานิชเจริญธรรม
7. ความคิดเปิดผนึก - อภิชาต สถิตนิรามัย
8. กลับหลังหัน - ปกป้อง จันวิทย์
9. นิติรัฐ - ปิยบุตร แสงกนกกุล
10. ด้วยเหตุด้วยผล - อติรุจ ตันบุญเจริญ
11. เนติบริกวน - บุญชิต ฟักมี
12. good sense - พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
13. Exit - ไชยันต์ ไชยพร
14. open space - ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

ส่วนที่ 2

1. mailbox - โตมร ศุขปรีชา
2. ennui - มุกหอม วงษ์เทศ
3. open ground - วาด รวี
4. คนชายขอบ - สฤณี อาชวานันทกุล
5. ระหว่างบรรทัด - ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง
6. อาร์ตไวรัส - สนธยา ทรัพย์เย็น
7. open screen - พิมพกา โตวิระ
8. the seed - นรเศรษฐ หมัดคง
9. หูหาเรื่อง - เผ่าจ้าว กำลังใจดี
10. ทัศนา ทัศนะ - ทัศนา นาควัชระ
11. คนค้นสัตว์ - แทนไท ประเสริฐกุล
12. ทีเล่นทีจริง - สมิทธิ ธนานิธิโชติ
13. ถนนสายหนึ่ง - วรพจน์ พันธุ์พงศ์
14. ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน - ปราบดา หยุ่น + วินทร์ เลียววาริณ

Tuesday, November 01, 2005

นับถอยหลัง

ศุกร์ที่ 7 ตุลาคม เวลาบ่าย ณ ห้องทำงานของผม ที่สำนักท่าพระจันทร์

จำได้ว่า วันนั้นเป็นวันหลังจากพี่โญเพิ่งกลับจากญี่ปุ่น แล้วแวะมาเยือนธรรมศาสตร์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อร่วมสังเกตการณ์รายการ สนธิพบประชาชน ที่หอประชุมเล็ก

ก่อนหน้าที่จะมุ่งสู่มหรสพการเมือง เพื่อฟังเสียงขับขานจากคาราวาน ต่อด้วยมนต์เพลงลุงธิ เรา - อ.สุวินัย อ.อภิชาต พี่โญ และผม - นั่งสนทนาสารพัดเรื่องกันที่ห้องนี้เป็นเวลานานนับชั่วโมง

ตอนหนึ่ง ผมกับพี่โญคุยกันถึงเรื่อง open online ว่าพร้อมลงมือหรือยัง?

พี่โญพยักหน้า

ผมบอกต่อว่า มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ

"งั้น มาช่วยเป็น web editor แล้วกันนะอาจารย์"

ไม่ต้องเสียเวลาคิด ผมพยักหน้าตอบตกลงโดยง่าย

......

ไม่กี่วันต่อมา ณ บ้านสีฟ้า

ผมร่วมประชุมกับพี่โญ และกองบรรณาธิการ ถึงเนื้อหาและรูปแบบของ open online เรื่อยไปจนถึงรายชื่อคอลัมนิสต์

บรรยากาศบ้านเมืองเวลานี้ ชวนให้หลายคนคันไม้คันมืออยากรวมหัวลุกขึ้นจับปากกาอีกครั้ง

ไม่เอาทักษิณ สนธิก็ไม่เอา จะหันไปทางไหนดี ...

เกลียดการเมืองสามานย์ เบื่อสังคมไร้สติ จะหันไปทางไหนดี ...

สื่อกระแสหลักโดนเซ็นเซอร์บ้าง เซ็นเซอร์ตัวเองบ้าง โดนเทคโอเวอร์บ้าง มาเล่นการเมืองสามานย์เสียเองบ้าง ขณะที่สื่อทางเลือกบนแผง ก็ปิดตัวเองกันหมด เหลืออยู่ทางเว็บไซต์ไม่กี่แห่ง แนวรบด้านโทรทัศน์ไม่ต้องพูดถึง คุยข่าวกันเข้าไป จะหันไปทางไหนดี ...

เสรีชน คนเล็กๆ ไร้อำนาจ ไร้ทุนรอน อย่างพวกเรา จะลงมือทำอะไรได้บ้าง

คำถามนี้ดังก้องในใจของเราหลายคนมานานเดือน นับปี

เมื่อเสียงปี่กลองดัง คงได้เวลารวมพลเพื่อร่วมสนุกทางปัญญากันอีกครั้งแล้ว

......

เราหมายให้ open online เป็นสื่อเสรี เวทีความคิด อีกทางเลือกหนึ่ง ในบรรยากาศบ้านเมืองยามนี้

นั่นประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่ง เราคิดถึง 'ชุมชน' open อันแสนสนุกสนานและรื่นรมย์ หลังจากห่างหายแยกย้ายกันไปร่วมปี

เราหมายให้ open online เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก เรียบง่าย ที่ทีมงาน open, คอลัมนิสต์ และแฟนหนังสือ ได้มาพบปะสังสรรค์กันอย่างรื่นรมย์ รับรู้ความเคลื่อนไหวทางความคิดของเหล่าสมาชิกชุมชน open มากหน้าหลายตา หลากความคิด หลายวงการ

ด้วยทุนอันจำกัด คอลัมนิสต์ออนไลน์ไม่มีค่าเรื่องให้ บรรณาธิการทำงานฟรี คนออกแบบเว็บก็อาสาสมัคร ผู้ออกแบบระบบจัดการเว็บก็ใจดีทำให้เปล่า ร่วมกันลงแรงแบบไร้ผลตอบแทน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างร่วมกัน

เพราะไร้ค่าต้นฉบับ อีกทั้งเป็นรูปแบบสื่อออนไลน์ ทีมงานของเราเลยมากด้วยความเกรงใจ ยามเอ่ยปากชักชวนคอลัมนิสต์เก่าของ open ที่แต่ละคนล้วนมีภารกิจประจำที่หนักหนาสาหัสเอาเรื่องอยู่แล้ว รวมทั้ง คอลัมนิสต์หน้าใหม่ ที่ฝีมือเด็ดขาด จากหลายที่มา อีกจำนวนหนึ่ง ที่เราเชิญมาร่วมเพิ่มความคึกคัก

แม้จะรู้ว่าเรื่องเงินทองไม่เคยเป็นประเด็นสลักสำคัญของทีมคอลัมนิสต์ open เลยก็ตาม แต่เพื่อความตรงไปตรงมาและความสบายใจ เราเลยบอกกล่าวให้ชัดเจนแต่แรกชวนว่า การกลับมารอบนี้ แม้ค่าต้นฉบับนิดๆหน่อยๆที่เคยได้ในเวอร์ชั่นกระดาษก็ไม่มีให้

คอลัมนิสต์ทุกคนที่เราเอ่ยปากชวน ไม่มีปัญหา และไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย กลับตอบตกลงร่วมสนุกในทันที (มีอยู่คนหนึ่งเราที่ต้องส่งอีเมลไปชวน เพราะท่านกลับเมืองหมีน้อยเสียแล้ว กระนั้น ท่านก็ยังอุตส่าห์ตอบรับกลับมาฉับพลันทันทีในชั่วเวลานกกระจอกไม่ทันกินน้ำ ด้วยประโยคขึ้นต้นว่า "แหม ป๋าขา กล้าชวนก็ต้องกล้าเขียนสิ")

แม้เราจะเสนอคอลัมนิสต์แต่ละคนว่า หากภารกิจประจำหนักหนาสาหัสจนไม่มีเวลาเขียน ก็ของานที่ต้องเขียนลงที่อื่นอยู่ก่อนแล้ว มารวมไว้ใน open online ด้วยก็ยังดี แฟน open เดิมเปิดเข้าเว็บจะได้รู้ว่า ตอนนี้เหล่าสมาชิกชุมชน open กำลังคิดเขียนอะไรกันอยู่ เรียกว่าให้เข้าเว็บเดียว สามารถติดตามความเคลื่อนไหวกันได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

คอลัมนิสต์หลายคนกลับปฏิเสธความหวังดีห่วงใยของเราโดยไม่ลังเล กลับประกาศว่าจะเขียนงานชิ้นใหม่ให้ open online โดยเฉพาะ

เมื่อ 'คนไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ' เช่นนี้แล้ว ผู้อ่านก็เตรียมตัวท่อง 'งานวัด' อันคึกคักได้ในเร็ววันนี้ เพราะขณะนี้ต้นฉบับเริ่มทยอยมานอนนิ่งใน Mail box ของผมบ้างแล้ว

ใครคิดถึงคอลัมนิสต์ชุดเก่าของ open อย่าง ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา, ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์, วันชัย ตัน, พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์, อภิชาต สถิตนิรามัย, มุกหอม วงษ์เทศ, วรพจน์ พันธุ์พงศ์, วาด รวี, ทัศนา นาควัชระ, เผ่าจ้าว กำลังใจดี, โตมร ศุขปรีชา, พิมพกา โตวิระ, ไชยันต์ ไชยพร, สุริยะใส ตกะศิลา ฯลฯ อดใจรออีกไม่นาน

ยิ่งเมื่อผสมผสานเข้ากับคอลัมนิสต์ใหม่อย่าง ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง, บุญชิต ฟักมี, ปิยบุตร แสงกนกกุล, แทนไท ประเสริฐกุล, อติรุจ ตันบุญเจริญ, สฤณี อาชวานันทกุล ฯลฯ เข้าด้วยแล้ว ...

มาแอบนับถอยหลังกันช้าๆ เงียบๆ ดีกว่าครับ

......