pin poramet's blog

Enjoy the world of bloggers !!!

Wednesday, June 15, 2005

การเดินทางครั้งนี้ไม่ธรรมดา

เป็นดังที่กระต่ายน้อยว่าไว้ ผมเป็นนักเดินทางแบบด้นสดไร้ระเบียบ หลังจากเมื่อวานตอนเที่ยงคืนตัดสินใจแบบฉุกละหุกว่าจะเดินทางไปเยือน Boston และ Washington DC ในวันรุ่งขึ้น วันนี้หลังตื่นนอนตอนเที่ยง ชีวิตผมก็เลยต้องวุ่นวายไม่หยอก เพราะยังไม่ได้เตรียมตัวทำอะไรสักอย่าง

ลุกจากเตียงปุ๊บ ผมตรงไปห้องซักผ้าก่อนเลย เพราะเสื้อผ้าหมดแล้ว ระหว่างเครื่องทำงาน ผมก็เช็คอีเมล์ อ่านข่าว อ่าน blog ไปเรื่อย ครบ 33 นาที ก็ย้ายผ้าจากเครื่องซักไปเครื่องอบ ระหว่างรอ 1 ชั่วโมง ก็ออกไปซื้อตั๋วรถบัส หาข้าวกิน และไปเอาเอกสารเรื่องภาษี แล้วรีบกลับมาที่หอให้ทันพอดีผ้าอบเสร็จ จากนั้นก็ไปล้างจานที่หมกไว้หลายวัน (ใช่แล้วครับ อ่านไม่ผิด) จัดห้อง ทิ้งขยะ จัดกระเป๋า คุยกับผู้คนบ้าง จัดหนังสือ อาบน้ำอาบท่า โกนหนวด เสร็จเอาพอดีรถบัสใกล้ออกพอดี

คราวนี้ก็เช่นเดียวกับคราวก่อนๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมต้องรีบวิ่งกุลีกุจอไปที่หน้า Fine Art Center ซึ่งเป็นจุดปล่อยรถออกจากมหาวิทยาลัย

ไปถึงป้าย พอดี 4.45 น. เวลารถออกเป๊ะเลย

แต่ยังไม่เห็นวี่แววรถบัสเลยครับ

ข้างกายผมมีหญิงสาวอีกสองคน ที่รอรถไปบอสตันเช่นกัน รอกันจนถึง 5 โมงเย็น ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะปกติรถราที่เมืองนอกมักตรงต่อเวลา ไม่น่าจะสายขนาดนี้

หญิงสาวคนหนึ่งกระสับกระส่ายมากทีเดียว เธอรีบโทรไปถามที่ศูนย์ควบคุมการเดินรถ ปรากฏว่ารถเจ้ากรรมที่เรารอกันอยู่ออกจากบ้านนอกของผม ไปถึงเมืองข้างๆแล้ว

เธอหัวเสียมากทีเดียว เพราะเธอมาก่อนเวลารถออกประมาณ 10 นาที ก็ไม่เห็นวี่แววรถคันนั้นแล้ว พวกเราไม่ได้ตกรถเพราะมาสาย แต่เป็นเพราะพี่คนขับออกรถเร็วกว่าปกติมาก

ผมเริ่มได้กลิ่นแล้วว่าท่าทางการเดินทางครั้งนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว

ขณะที่เธอกำลังบริภาษบริษัทเดินรถ Peter Pan อย่างหัวเสียทางโทรศัพท์ พลันรถบัสอีกคันหนึ่งก็มาจอดเทียบท่า ณ เวลาประมาณ 5.10 น.

พวกเรารู้สึกโล่งอก เธอวางโทรศัพท์ เราจะขนของขึ้นรถ แต่ปรากฏว่า พี่คนขับรถคันใหม่ไม่ให้เราขึ้น บอกว่า รถของเขาเป็นรอบ 5.45 น. รถรอบ 4.45 น. ที่เรารอมันออกไปนานแล้ว เขาไม่รู้เรื่องด้วย

ซึ่งหากออก 5.45 น. จริง แล้วหยุดรับผู้โดยสารตามจุดจอดปกติ เราไม่มีทางไปต่อรถที่เมือง Springfield เวลา 6.15 น. ให้ทันเดินทางต่อไปยัง Boston แน่นอน

ผมพยายามเจรจากับพี่คนขับว่า ให้บอกศูนย์ว่า ให้เขาเก็บตกพวกเราไปก่อน แล้วให้ศูนย์ส่งรถคันใหม่มาให้ทันรอบ 5.45 น. แต่แกก็ยืนยันหนักแน่นว่ายังไงก็ตาม ล้อหมุน 5.45 น. เท่านั้น เขาไม่รู้ไม่เห็นไม่สนด้วย และถ้าศูนย์ไม่ได้สั่งอะไรเป็นอื่น เขาก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

เมื่อสิ้นหวัง ผมก็กลับมานั่งเฝ้ากระเป๋าเหมือนเดิม ถือว่าเป็นเพราะสายลมแห่งชะตากรรมแล้วกัน เวลาล่วงไปสักพัก จนประมาณ 5.25 น. ผมก็ฉุกคิดว่า ไหนๆ ก็ต้องรอถึง 5.45 น. แล้ว งั้นรีบไปซื้ออาหารเย็นไปกินบนรถดีกว่า เพราะกำลังหิวพอดีเชียว ผมเลยฝากเพื่อนร่วมทางสองสาวเฝ้ากระเป๋าผมที่ป้ายรถ แล้วผมรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ Campus Center เพื่อซื้อแซนวิชไปกินระหว่างทาง

ทำเวลาสำเร็จแบบเหนื่อยหอบ กลับมาถึงป้ายรถอีกครั้งเวลา 5.42 น. ทันเวลารถออกเฉียดฉิว

แต่แล้วเบื้องหน้า กลับต้องพบภาพบาดตาบาดใจ

มันคือภาพแห่งความว่างเปล่า !!!

ปรากฏว่า สสารทุกอย่างสูญหายไปจากโลกเสียสิ้นเลยครับ เหลือแต่กระเป๋าของผมสองใบถูกวางทิ้งอยู่ที่ป้ายรถ รถบัส Peter Pan หาย เพื่อนร่วมทางสาวทั้งสองหาย

ถูกหักหลังครับท่าน !!!

พี่คนรถครับ พี่บอกผมว่าล้อหมุน 5.45 น. ไงครับ ทำไมพอผมไปซื้อของ แล้วเสือกเปลี่ยนใจล่ะครับ คุณผู้หญิงครับ อุตส่าห์ร่วมทุกข์ร่วมสุขตกรถมาด้วยกัน แถมผมฝากกระเป๋าให้ช่วยดู และผมก็รับปากแล้วว่ากลับมาทันแน่ ทำไมเล่นทิ้งกันดื้อๆอย่างนี้เลยล่ะครับเพ่

ใจร้ายกันเหลือเกิน รู้อยู่แก่ใจว่า ยังเหลือผมอีกคน เหตุไฉนใยทิ้งหนุ่มน้อยผู้น่าสงสารให้ตกรถรอบสองอยู่คนเดียว ด้วยความผิดที่ตัวไม่ได้ก่อ

เท่ไหมครับ ตกรถสองคันซ้อน เพราะคนขับออกเดินทางเร็วกว่ากำหนดทั้งคู่ รอบหลังนี่ยิ่งเจ็บใจ เพราะทั้งคนขับ ทั้งเพื่อนร่วมทางรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังทิ้งผม

ถูกทิ้งมาทั้งชีวิต ...

การเดินทางครั้งนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ

ยืนเซ็งแป๊บหนึ่ง ก็เห็นว่าเซ็งไปไร้ประโยชน์ ผมเลยเดินกลับหออีกรอบพร้อมกระเป๋าสองใบ โน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่อง รถรอบต่อไปจากบ้านนอกต้องรอ 2 ทุ่มโน่น กว่าจะถึง Boston ก็ตั้ง 5 ทุ่ม 20 นาที แทนที่ผมจะไปถึง 2 ทุ่มตามกำหนดการที่นัดหมายกับเพื่อนไว้

เดินกลับหอไปได้เกือบครึ่งทาง จู่ๆ สายตาเหลือบกลับหลังไปเห็น Peter Pan มาอีกคันแล้วครับ ... นี่มันวันอะไรกันนี่ ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่ารถคันนี้จะไปไหน แต่มีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง

ผมตัดสินใจเสี้ยววินาที วิ่งย้อนกลับไปทางเก่า เผื่อฟลุ๊คเป็นรถเก็บตกอีกคัน ไปถึงรถก็เกือบไม่ทันเสียแล้ว เพราะลุงคนขับวนรอบหนึ่งจนจะเลี้ยวกลับอยู่แล้ว ผมต้องโบกมือให้หยุดรอ แกก็ใจดีหยุดรอผมริมถนน

และแล้วมันก็เป็นรถไป Springfield จริงๆ ครับ ... เชื่อหรือยังว่า การเดินทางครั้งนี้ไม่ธรรมดา

ถามไถ่ลุงคนขับ ปรากฏว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้

พี่คนขับรถคันแรก ที่ควรจะออก 4.45 น. แกดันออกจากมหาวิทยาลัยผมตั้งแต่ 4.20 น. ด้วยเกิดอาการนึกครึ้มประการใดไม่ทราบได้ นับเป็นความมหัศจรรย์ของโลกและจักรวาลประการหนึ่งที่ต้องหาคำตอบกันต่อไป ส่วนพี่คนที่สอง แกมาถึงเร็ว แต่เขาขับสำหรับรอบต่อไป คือเวลา 5.45 น. ตามที่เขาบอกจริง

แต่หลังจากมีเสียงคนตกรถคันแรกตามจุดจอดต่างๆ โทรด่ากันกระหึ่ม ทางศูนย์เลยมาเปลี่ยนใจตอนหลัง ให้พี่คนที่สองทำหน้าที่เป็นรถเก็บตกในที่สุด แล้วส่งคันใหม่ คือคุณลุงที่มารับผม มาทำหน้าที่เป็นรถรอบ 5.45 แทน แต่คุณลุงเพิ่งได้รับคำสั่งระหว่างเดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจอื่น เลยต้องเดินทางมาจากนอกเส้นทาง จนมาสายกว่าปกติ มาถึงเกือบ 6 โมงเย็น

ซึ่งจังหวะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์เปลี่ยนใจ ก็คือจังหวะที่ผมเดินออกไปซื้อข้าวเย็นนั่นเอง เจ๋งไปกว่านั้น ศูนย์สั่งให้รถพี่คนทีสองหมุนล้อทันที เดี๋ยวนั้น ขณะผมกำลังซื้อข้าวอยู่

ยอด !!!

แต่อย่านึกนะครับว่า ชีวิตผมจะราบรื่น เพราะรถเก็บตกของผมมาไม่ทันรถต่อไป Boston ผมเลยต้องมานั่งรอรถไป Boston คันต่อไปเวลา 9.15 น. ซึ่งไม่ต่างอะไรหากผมจะมาพร้อมกับรถเที่ยวสองทุ่มจากบ้านนอก

ด้วยเหตุนี้ ผมเลยต้องนั่งรอรถที่สถานี Springfield สองชั่วโมงกว่า ได้นั่งเขียน blog แทนที่ตอนนี้จะนั่งดวดเบียร์กับเพื่อนที่ Boston แล้ว ต้องรอถึง 5 ทุ่ม 20 นาที กว่าจะได้เห็นหน้าเพื่อน

แต่ยังดี ที่พอไปถึงสถานี ผมเรียกร้องความเป็นธรรมสำเร็จ จนสุดท้าย เขาคืนเงินค่าตั๋วให้เต็มจำนวน เหมือนได้เดินทางฟรี :)



ปิ่น ปรเมศวร์ รายงานสดจากสถานี Springfield เวลา 2 ทุ่ม 40 นาที


แค่เริ่มต้น การเดินทางครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดาเสียแล้ว !!!