สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน
รายการโทรทัศน์ที่ผมเกลียดที่สุดรายการหนึ่งคือ สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน ทางช่อง 9 ที่ชอบเรียกตัวเองว่า modern 9
ใครที่ติดตามการเมืองไทยคงจำบทบาทของสองฝ่ายขวามหาอมตะนิรันดร์กาลคู่นี้ได้ โดยเฉพาะบทบาทในช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
สำหรับผม คุณสมัครเป็นโมฆะบุรุษทางการเมืองมานานแสนนานแล้ว
เช่นเดียวกับที่ทั้งคู่คงหงุดหงิดหากได้ฟังผมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและสังคม ผมเองก็รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเวลาฟังความคิดเห็นของคนทั้งสอง
หงุดหงิดและน่ารำคาญ
ไม่ใช่ธรรมดา แต่หงุดหงิดและน่ารำคาญเอามากๆ ด้วย
แม้ทั้งคู่จะมีแฟนประจำอยู่จำนวนมาก เพราะความคิดและลีลาของคุณสมัครและคุณดุสิตคงถูกจริตกับสังคมขวาๆ แบบไทยๆ แต่คนที่รู้สึกหงุดหงิดและรำคาญคนทั้งสองคงมีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ช่วงหลัง ผมเริ่มได้ยินได้เห็นข้อเสนอจากองค์กรประชาชน นักวิชาการบางคน และหนังสือพิมพ์บางฉบับ เรียกร้องให้ทางช่องเก้าถอด "สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน" ออกจากผังรายการ
แม้ผมเองจะรำคาญคนทั้งสองอย่างยิ่ง แต่ผมไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวแม้แต่น้อย
เพราะตรรกะในการ "กัน" คุณสมัครและคุณดุสิตออกจากโทรทัศน์ โดยเนื้อแท้แล้ว เป็นตรรกะชุดเดียวกันกับ ที่รัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลเผด็จการทหาร หรือแม้แต่คุณสมัครและคุณดุสิตในอดีตเอง ชอบใช้ในการ "กัน" กลุ่มพลังก้าวหน้าและฝ่ายต้านรัฐบาลออกจากสื่อสารมวลชน เช่น เซ็นเซอร์ข่าวการประท้วงรัฐบาล บีบนักจัดรายการที่ชอบวิจารณ์ผู้มีอำนาจให้พ้นหน้าจอ ฯลฯ
เมื่อไม่มีนิยามของความดี ความเหมาะสม ความถูกต้อง และรสนิยม ที่เป็นสากลให้ตัดสินได้ว่าอะไรดีกว่าอะไร วิธีคิดแบบไหนเหนือกว่าแบบไหน ก็ไม่ควรมีใครสถาปนาเอานิยามความดี ความเหมาะสม ความถูกต้อง รสนิยม หรือการตัดสินคุณค่า "ของตัวเอง" มาวางไว้เหนือของคนอื่น
การปล่อยให้ "ใคร" ไม่ว่ารัฐ หรือประชาสังคม มีอำนาจในการ "เซ็นเซอร์" สื่อสารมวลชน โดยอ้างความถูกต้อง เหมาะสม หรืออ้างผลประโยชน์ของประชาชน เป็นเรื่องน่าเป็นห่วง เพราะง่ายที่จะมีการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล ก็ในเมื่อนิยามของสิ่งเหล่านั้นมันลางเลือนเหลือเกิน
อีกทั้ง การเซ็นเซอร์ยังเป็นการดูถูกภูมิปัญญาของคนรับสารด้วย
สังคมประชาธิปไตยต้องเปิดกว้างและหลากหลายให้มากที่สุด มีพื้นที่ให้คนทุกกลุ่ม ทุกประเภท ทุกรสนิยม มีส่วนร่วมในการใช้พื้นที่ให้มากที่สุด
ใช่ครับว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายซ้ายในสังคมไทยถูกปิดพื้นที่มาตลอด ในขณะที่ฝ่ายขวามีช่องทางแสดงออกมากมายอย่างเทียบกันไม่ได้ กระนั้น หากคนกลุ่มหนึ่งมีพื้นที่น้อยกว่ากลุ่มอื่น ทางออกก็ไม่ใช่การหาทางเอาคืนโดยทำลายพื้นที่ของกลุ่มที่มีมากกว่า แต่อยู่ที่การเคลื่อนไหวเรียกร้องรวมกลุ่มเพื่อต่อรองเพิ่มพื้นที่ส่วนของตนให้มากขึ้น
การต่อสู้ระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งสภาพความขัดแย้งในแต่ละช่วงเวลาก็สะท้อนสภาพ อารมณ์ และพัฒนาการของสังคม ณ ช่วงเวลานั้น
ความขัดแย้ง การเคลื่อนไหวต่อสู้ และระดับอำนาจต่อรองของแต่ละกลุ่มยังมิได้หยุดนิ่ง แต่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เสียก็แต่ว่า สังคมไทยชอบเห็นความขัดแย้งเป็นเรื่องผิดปกติ และชอบหาโอกาส "กัน" อีกฝ่ายหนึ่งออกจากเวทีอย่างมักง่ายเสมอ แทนที่จะต่อสู้กันอย่างสมน้ำสมเนื้อ ด้วยเหตุและผล
ใครอยู่ที่สหรัฐอเมริกา คงเคยดูช่อง Fox News สถานีข่าวฝ่ายขวา ซึ่งน่าหงุดหงิดและน่ารำคาญ ไม่แพ้คุณสมัครและคุณดุสิต แต่ผมว่าสังคมอเมริกันเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสิ่งที่เกลียดได้ดีทีเดียว ไม่ชอบก็อย่าดู หรือหากดู ก็ไม่ต้องเชื่อ แต่ไม่ใช่หาทางทำให้มันไม่มีให้ดู เพราะมันมีคนที่เขาอยากดู และเชื่อสิ่งที่ต่างจากเรา สู้ฝึกคนให้ฉลาดพอที่จะรับสื่ออย่างมีสติและรู้เท่าทันดีกว่า
ในสังคมที่หลากหลาย ไม่มีทางที่เราจะถูกใจไปเสียทั้งหมดทุกเรื่อง ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่ไม่ถูกใจ อย่างมีขันติและรู้เท่าทัน
สำหรับท่านที่เกลียดคุณสมัครและคุณดุสิตเหมือนผม ทางเลือกหนึ่ง ก็คืออย่าไปเปิดดู หากต้องการแสดงออกทางการเมือง ก็อาจประท้วงเลิกดูช่องเก้า หรือไม่ซื้อสินค้าที่โฆษณาในรายการ ทางเลือกที่สอง หากต้องการเรียนรู้วิธีคิด หรือต้องการรับรู้สภาพอารมณ์ของคนกลุ่มนี้ ก็ลองเปิดใจรับฟัง ถ้าไม่เห็นด้วยก็โต้เถียงกับเขา หรือชี้แจ้งข้อเท็จจริงที่คิดว่าถูกบิดเบือน
สังคมไทยบางส่วนเริ่มโตพอที่จะ "รู้ทัน" และ "ตั้งคำถาม" กับคนทั้งสอง แต่ยังไม่โตพอในการเรียนรู้ที่จะ "อยู่ร่วม" กับความเห็นต่าง อย่างมีวุฒิภาวะตามครรลองประชาธิปไตย
ขันติต่อความต่างเป็นพื้นฐานสำคัญ
ด้วยตรรกะเดียวกัน ผมอดคิดต่อไม่ได้ว่า เมื่อไรหนอที่เราจะโตพอที่จะมีรายการ "สุลักษณ์-ใจ คิดตามวัน" ออกโทรทัศน์กับเขาเสียที
อยากดูมั่กม้ากกกกกก
<< Home