Meet the Bloggers
ทุกวันนี้ผมตกหลุมรักชุมชนชาว blogger เข้าอย่างจัง
นึกแล้วต้องขอบคุณ BF ที่ทำให้รู้สึกคันไม้คันมืออยากเป็น blogger กับเขาบ้าง
ผมอยู่สำนักหลังเขาน่ะครับ ไม่ค่อยรู้เรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอะไรกับเขาหรอก จนวันหนึ่งเข้าเวปของตัวเองตามปกติ เปิดดู Nedstat ว่าวันนี้มีคนเข้าเวปเราบ้างไหม แล้วมาจากทางไหนกัน ก็ไปสะดุดตาลิงก์แปลกๆ ลิงก์หนึ่ง ที่คนเขาใช้เป็นทางผ่านมาเวปผม กดเข้าไปดูปรากฏว่า เขาตามมาเยี่ยมบ้านผมจาก blog ของคุณ BF นั่นเอง
ผมก็ไม่รู้หรอกว่า BF เขาเขียน blog เพราะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว เจอครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปคราวเขาโชว์เสียงร้องเพลงอันทรงพลังบนเวทีสละโสด แต่ก็แทบไม่ได้คุยกัน
รู้แต่ว่าถ้า BF เขียนหนังสือเมื่อไหร่ คุณภาพอยู่ในระดับต้องอ่านแน่ๆ เห็นฝีมือมาแต่อ้อนแต่ออก วันที่ผมตามเข้าไปดู blog ของ BF เป็นตอน 'blog ของ professors' อ่านดูก็เพิ่งรู้ว่ามีคนดังเขียน blog กันมากมาย แม้กระทั่งรุ่นใหญ่อย่าง Gary Becker นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแห่งสำนักมิดเวย์
อ่านเนื้อความเสร็จ ตามดูความเห็นด้านล่างต่อ เลยได้เจอคุณปริเยศภาคไม่ไว้หน้าใคร (ไม่เหมือนภาคเชียร์หงส์เพราะอยากไปด้วยในขณะนี้ - ฮา) และอีกหลายคนที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับวงวิชาการไทยได้น่าสนใจมาก นึกในใจว่า อยากร่วมวงถกเถียงด้วย พอดีตอนนั้นชีวิตทางนี้ยังไม่ค่อยลงตัวเพราะเพิ่งกลับมาบ้านนอก เลยยังไม่ได้ร่วมแจม
ต่อมา มีโอกาสเยี่ยมชม blog ของ blogger อีกหลายคนจากลิงก์ของ BF ก็คิดในใจว่า โอ้ ... ช้างเผือกเต็มไปหมด ฝีมือการเขียนหลายคนเข้าขั้นสุดยอด บุคลิกก็น่าสนใจ เช่น blog ของลูกศิษย์คณะเศรษฐคนหนึ่ง (ไม่รู้ว่าผมรู้จักตัวหรือเปล่า) ซึ่งเขียนวิจารณ์หนังได้ยอดเยี่ยมเกินวัย
อ่านของชาวบ้านไปสักพัก ก็ทนความเย้ายวนของเสน่ห์แห่ง blog ไม่ไหว จนต้องลงมือเขียนกับเขาบ้าง
ทั้งที่กลับมาบ้านนอกคราวนี้ ทีแรกตั้งใจว่าจะเร่งเขียนวิทยานิพนธ์อย่างเดียวจะได้รีบจบ จะไม่เขียนบทความอื่นใดให้วอกแวก แต่เพื่อนผมบางคนก็ปรามาสไว้แต่แรกแล้วว่า มึงทำไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็ต้องหาอะไรทำ หาอะไรเขียน เชื่อกูดิ
เออ ... กูเชื่อมึงแล้ว
......
blog นี่เป็นเครื่องฝึกฝีมือการเขียนชั้นดีเลยนะครับ
บรรยากาศมันไม่เกร็งซะจนเขียนไม่ออก กาลเทศะมันก็ไม่เป็นทางการเสียจนต้องระมัดระวังคำพูดคำเขียน ดูเผินๆเหมือนเขียนเรื่องใกล้ตัวแต่ก็มีอะไรให้เก็บไปคิดต่อ อิสระ ไร้รูปแบบ ไร้ข้อจำกัด และเป็นมิตรกับคนอ่านดีน่ะครับ เหมือนบรรยากาศขณะตั้งวงร่ำสุรากับผองเพื่อน ความคิดกรึ่มๆ คุยกันได้เรื่อยทุกเรื่อง ตั้งแต่สากกะเบือยันทักษิณ
เหมือนดึกคืนหนึ่งที่ร้าน hemlock ผมกับท่านอาจารย์พี่หมูสุดน่ารักของผมนั่งถกเถียงวิจารณ์เปรียบเทียบ นิธิ VS รังสรรค์ กันอย่างเอาจริงเอาจัง วันรุ่งขึ้นอาจารย์รังสรรค์รู้เข้า เลยบอกว่า สงสัยพวกผมเมาหนัก (ฮา) แต่ยังมีแก่ใจถามต่อว่า แล้วตกลงวิจารณ์กันว่าไงบ้าง (ฮา)
ผมยุน้องหลายคนให้มาเป็น blogger กับเขาบ้าง โดยเฉพาะคนที่กำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก เพราะการฝึกคิดฝึกเขียนจนคุ้นชินและลื่นไหลเป็นธรรมชาติ จะมีส่วนช่วยในการเรียนต่ออย่างยิ่ง ไม่จำเป็นต้องเขียนเรื่องวิชาการ แต่เขียนเรื่องอะไรก็ได้ เพราะการเขียนมันช่วยให้เราได้จัดระบบคิด เกลาระบบเขียน และฝึกตรรกะ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดสำหรับการเรียนต่อ
คอยจับตา blogger หน้าใหม่อีกสองคนนะครับ ผมภูมิใจเสนอ
คนหนึ่งเป็นว่าที่นักเรียน Oxford เพื่อนร่วมงานห้องติดกับผม สัญญาว่าหลังบวชจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของชุมชน blogger หลังจากเป็นผู้ติดตามมาพักหนึ่ง เพื่อนผมคนนี้อนาคตดาวเหนือแห่งวงการเศรษฐศาสตร์แน่ๆครับ ยิ่งสนิทยิ่งได้แลกเปลี่ยนความคิดกันหลายเรื่อง ผมยิ่งทึ่ง และอดเสียดายไม่ได้ว่า ทำไมเพิ่งมาคุยกันวะ
ส่วนอีกคน เป็นอาจารย์(โคตร)หนุ่มใหม่ล่าสุดของคณะผม ขวัญใจสาววัย seventeen ทั้งที่หน้าตาก็งั้นๆแหละ เสือหนุ่มปีกระต่ายรายนี้บอกว่าเร็วๆนี้จะร่ายปากกาบ้าง ผมก็ได้แต่เฝ้าอดใจรอ เพราะอยากอ่านความคิดอาจารย์ใหม่ไร้อนาคตคนนี้ ที่ว่าไร้อนาคตไม่ได้แปลว่าไม่มีอนาคต แต่เพราะอนาคตของน้องรักผมคนนี้ทอดไปไกลเกินกว่าผมจะจินตนาการได้ด้วยซ้ำว่าจะไปจบลงที่ไหน
เลียกันขนาดนี้แล้ว ถ้าพวกมึงไม่เขียน จะโพสต์ชื่อประจาน แล้วเปลี่ยนมาด่า พร้อมแฉความลับแทน (ฮา)
โปรดติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน !
แต่ที่ไม่ต้องอดทนรอแล้ว คือ เหล่า blogger ชาวนิติศาสตร์ครับ
วันนี้คืนดี คุณนิติรัฐก็แสดงตัวทักทายผม พร้อมกับนำเสนอ blog ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ผมสัมผัสได้ถึงพลังล้นเหลือจริงๆ ครับ
ผมอยากขอเชิญสมาชิก blogger แวะไปอ่านสุดยอด blog หน้าใหม่ของ Etat de droit อาจารย์หนุ่มแห่งสำนักนิติท่าพระจันทร์ รับรองว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยสาระและความเพลิดเพลิน
อ่านแล้วจะรู้สึกว่า blog ของผม สั้นลงไปถนัดตา (ฮา)
ผมกับ corgiman คุยข้ามรัฐลอดรัฐกันเมื่อวาน เห็นพ้องกันว่า เจ้าของ blog ถ่อมตัวเหลือเกิน เพราะฝีมือเหนือชั้นกว่าพวกผมมากนัก ขอแสดงความนับถือและเป็นกำลังใจไว้ ณ ที่นี้
ไว้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง จะขอคุยกับคุณนิติรัฐหน่อยนะครับ
ปริเยศไม่ต้องยิ้ม เอาเวลาไปลับมีดรอร่วมมือรุมนักนิติศาสตร์ด้วยกันดีกว่า (ล้อเล่นน่า)
ผมอ่าน blog คุณนิติรัฐแล้ว (ขออนุญาตเรียกอย่างนี้แล้วกันนะครับ เพราะชื่อภาษาฝรั่งเศสสะกดไม่เป็น อ่านไม่ออก) เกิดคำถามขึ้นทันใดว่า
เวลาคุณนิติรัฐหรือผองเพื่อน blogger สายนิติศาสตร์ อ้างกฎหมายมาตราโน้นมาตรานี้เป็นคุ้งเป็นแควนี่ มีหนังสือกฎหมายอยู่ข้างกายหรือเปล่าครับ หรือว่ามันฝังอยู่ในสมองส่วนจิตใต้สำนึกแล้ว ! อยากรู้จริงๆนะครับ
อยากมีเพื่อนเป็นนักกฎหมายมานานแล้วครับ เพราะหมอดูทำนายว่า อนาคตคงโดนคดีหมิ่นประมาทเข้าสักวัน (ฮา)
......
ตั้งแต่ผมเป็น blogger กับเขา รู้สึกตื่นเต้นกับชุมชนนี้มาก เพราะมีคนหน้าใหม่ผ่านเข้ามาในชีวิตและความคิดมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มี "อะไร" ทั้งนั้น ได้ความรู้ใหม่ ได้คิดอะไรเต็มไปหมด
และนับวัน ดูเหมือนชุมชนนี้จะขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ แบบไม่สิ้นสุด
ชุมชนทางปัญญาแบบนี้แหละ ที่ขาดหายไปในมหาวิทยาลัยไทย
โชคดีที่เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเราได้
ระบบทางการมันไม่เอื้อ เราก็สร้างชุมชนของเรากันเองได้นี่
หากรู้ข่าว คนรุ่น 'ศึกษิตเสวนา' และ 'ปริทัศน์เสวนา' อย่างพิภพ ธงไชย วิชัย โชควิวัฒน์ นิวัตร กองเพียร รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ฯลฯ คงเฝ้ามองด้วยรอยยิ้ม ที่เห็นเราถกเถียงแลกเปลี่ยนกันใน cyberspace แทนที่จะใช้โบสถ์รังษีสุทธาวาสในวัดบวรนิเวศวิหาร
ผมชอบแซวคุณ BF บ่อยๆ ว่า เรียนจบกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ จะขอร้องให้คุณ BF เป็นประธานชมรมกู้ชาติ เพราะท่านรู้จักนักเรียนทุนและนักเรียนปริญญาเอกไทยแทบจะทุกซอกทุกมุมทั่วโลก (ฮา) ขอสังกัดกลุ่มวัง BF ด้วยคนนะครับ (ฮา)
น่าคิดต่อเหมือนกันนะครับว่า เราจะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทางปัญญาที่งดงาม มีชีวิตชีวา และมีพลังเช่นนี้เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยอย่างไรดี ?
ฝากทุกท่าน ทั้งที่แสดงตัวและไม่แสดงตัว ช่วยกันคิดหนักๆ หน่อยครับ
แต่นั่นยังไม่ยากเท่ากับ เราจะลงมือรวมกลุ่มกันจริงได้อย่างไร ใช้ช่องทางไหน
และใครจะอาสาลงแรงบ้าง ?
<< Home