pin poramet's blog

Enjoy the world of bloggers !!!

Friday, April 01, 2005

เมื่อหมาป่าสงครามสวมบทนักบุญ

หลังความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาในสงครามเวียดนามไม่นาน ปี 1968 ประธานาธิบดี Lyndon Johnson 'เลือก' นาย Robert McNamara อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของสหรัฐอเมริกาในสงครามเวียดนาม ขึ้นดำรงตำแหน่างประธานธนาคารโลก (World Bank)

หลังความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาในสงครามอิรัก (ท่านคิดว่าสหรัฐอเมริกาชนะสงครามอิรักอย่างแท้จริงหรือ?) ประธานาธิบดี George Bush, Jr. 'เลือก' นาย Paul Wolfowitz อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลบุช 1 ผู้มีบทบาทสำคัญเบื้องหลังสงครามอิรัก จนได้รับการขนานนามว่า 'สถาปนิกแห่งสงครามอิรัก' ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานธนาคารโลก แทนที่นาย James Wolfensohn

คล้อยหลังการเดินทางไปพูดคุยแสดงวิสัยทัศน์กับคณะกรรมการสหภาพยุโรปไม่กี่วัน Wolfowitz ก็ได้รับเสียงอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการธนาคารโลก เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นไปตามโผของประธานาธิบดี Bush ในฐานะที่สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของธนาคารโลก จึงเห็นคนอเมริกันเป็นเจ้าของตำแหน่งประธานองค์กรนี้ตลอดกาล

วิญญูชนทั่วไปคงไม่มีใครสามารถจินตนาการในหัวสมองได้เลยว่า อดีตนักวิชาการ อดีตนักการทูต Neo-conservatives สายเหยี่ยว คนนี้ จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกได้ เพราะภาพลักษณ์นาย Wolfowitz มิต่างจากหมาป่ากระหายสงคราม ที่พยายามส่งออกประชาธิปไตยและคุณค่าแบบอเมริกันไปยังประเทศที่มีอุดมการณ์แตกต่างออกไป และพยายามมาทั้งชีวิตที่จะแผ่ขยายอำนาจของสหรัฐอเมริกาในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ

การที่บุชเลือก Wolfowitz ขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญนี้ ทั้งที่มีชนักปักหลังเรื่องความล้มเหลวของสหรัฐอเมริกาหลังยึดอิรักได้ น่าจะเป็นการให้สัญญาณว่า นับจากนี้ World Bank จะกลายเป็นแขนขาในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มข้น

ผมขอทำนายว่า จากนี้ไป ประชาธิปไตยส่งออกแบบสหรัฐอเมริกาอาจเป็นเงื่อนไขสำคัญในโครงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา

เป็นไปได้สูงที่บทบาททางการเมืองของ World Bank จะสูงขึ้นควบคู่ไปกับบทบาททางเศรษฐกิจในฐานะผู้ปล่อยกู้รายใหญ่แก่ประเทศกำลังพัฒนากว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในแต่ละปี

ในอนาคต เราอาจจะได้เห็นเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของ World Bank ผูกติดกับปรัชญาและอุดมการณ์ทางการเมืองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตีความประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างแคบ ให้เป็นประชาธิปไตยแบบอเมริกัน กล่าวให้ถึงที่สุด เป็นประชาธิปไตยแบบ Neo-conservatives

อุดมการณ์ประชาธิปไตยแบบสหรัฐอเมริกา และอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ทางเศรษฐกิจ จะเดินหน้าควบคู่กันอย่างใกล้ชิด ซึ่งในหัวของผมยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามว่า นี่เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ดีที่สุดสำหรับประเทศกำลังพัฒนาจริงหรือ?

แม้ที่กล่าวมาอาจเป็นเพียงการตีตนไปก่อนไข้ กระนั้นก็มิใช่หวาดระแวงอย่างไร้เหตุผล

ในเมื่อรัฐบาลบุช 2 ยังคงดำเนินนโยบายส่งออกประชาธิปไตยแบบอเมริกา และพยายามทำตัวเป็นเจ้าอาณาจักรโลกอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากบรรดาสายเหยี่ยวฝ่ายขวาต่างได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้า นอกจากนาง Condoleeza Rice สายเหยี่ยว Neo-conservatives คนสำคัญก้าวขึ้นเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศแทนที่สายพิราบอย่างพลเอก Colin Powell แล้ว นาย John Bolton สายเหยี่ยวอีกคนหนึ่ง ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตประจำ UN คนใหม่อีกด้วย

แต่ที่แน่ๆ ประเด็นแรกที่เป็นข่าวตามสื่อมวลชนหลัง Wolfowitz เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการไม่ใช่ประเด็นทางเศรษฐกิจ หากเป็นเรื่อง World Bank ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เพราะความเสี่ยงในการตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ก่อการร้ายสูงขึ้นมาก อันเนื่องมาจาก 'กรรมเก่า' ของท่านประธานคนใหม่ ที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการบุกยึดอัฟกานิสถานและอิรัก

น่าสนใจว่า ในระดับปัจเจก ประเทศต่างๆ ในโลกกำลังเดินไปสู่เส้นทางประชาธิปไตย แต่กติกากำกับของโลก (World Governance) กลับยิ่งมีความเป็นประชาธิปไตยลดน้อยลงเรื่อยๆ นับวันสหรัฐอเมริกาจะยิ่งเล่นบทจอมเผด็จการภายใต้คราบนักบุญประชาธิปไตย กระทั่งองค์กรสหประชาชาติ (UN) ยังไร้ซึ่งความหมายในสายตาของสหรัฐอเมริกา

จะเหลืออีกสักกี่คนบนโลกนี้ที่ยังมีความหวังว่า Bush หรือแม้แต่ Wolfowitz เอง จะสำนึกผิดในกรรมที่ตนเคยก่อ เหมือนกับที่ McNamara เคยยอมรับผิดเรื่องสงครามเวียดนามต่อสาธารณชนด้วยน้ำตา